บล.พายแนะนำ"ซื้อ"หุ้น OR ให้ราคาเป้าหมาย 26 บาท
บล.พาย แนะนำซื้อหุ้น OR โดยให้ราคาเป้าหมาย 26 บาทต่อหุ้น ชี้แนวโน้มผลประกอบการ กำไรฟื้นตัว จากค่าการกลั่นที่ดีขึ้น และ 2 โรงกลั่นกลับมาเดินเครื่องตามปกติ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(7ก.พ.) บริษัทหลักทรัพย์(บล.) พาย (PI) ออกบทวิเคราะห์หุ้น บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR โดยคงคำแนะนำ "ซื้อ" แต่ลดมูลค่าพื้นฐานลง 13% จาก 30.0 บาท เป็น 26.0 บาท หลังปรับลดประมาณการกำไรปี 2566 ลง 16% เพราะภาพรวมค่าการตลาดค้าปลีกน้ำมันที่ซบเซา
ขณะที่คาดว่ากำไรอ่อนแอในไตรมาส 4/2565 ที่ 400 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 83% จากค่าการตลาดค้าปลีกน้ำมันที่ต่ำ 0.6 บาทลิตร ผลจากต้นทุนการนำเข้าน้ำมันที่สูงขึ้น เพราะโรงกลั่น 2 แห่งในประเทศ (PTTGC, IRPC) ทำการปิดซ่อมบำรุง
ทั้งนี้แม้จะมีแรงกดดันด้านอัตรากำไรเป็นปัจจัยรบกวน แต่เราเล็งเห็นแนวโน้มกำไรฟื้นตัวในไตรมาส 1/2566 จากฐานที่ต่ำในไตรมาส 4/2565 และฟื้นต่อเนื่องหลังจากนั้นจากการเติบโตของยอดขายน้ำมันและอื่นๆ
อัตรากำไรลดฉุดกำไรไตรมาส 4/2565
คาดกำไรอ่อนแอในไตรมาส 4/2522 ที่ 402 ล้านบาท (-83% YoY, -43% Q๐Q) ต่ำสุดตั้งแต่เข้าตลาดในปี 2564 สาเหตุของกำไรที่ลดลงมาจากค่าการตลาดค้าปลีกน้ำมันที่เบาบาง คาดลดแตะ 0.6 บาท/ลิตร (-39% YoY, -12% Q๐Q) ผลจากต้นทุนการนำเข้าน้ำมันที่สูงขึ้น เพราะโรงกลั่น 2 แห่งในประเทศ (PTTGC, IRPC) ทำการปิดซ่อมบำรุง
ขณะที่คาดปริมาณขายจะโต 13% QoQ เป็น 7,101 ล้านลิตร หนุนจากช่วง high season ของการท่องเที่ยวในประเทศ ส่วนแบ่งรายได้จากธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมัน (non-Oil) คาดหดตัว Q0Q จากยอดขาย Amazon ที่ลดเหลือ 90 ล้านถ้วย (-3% QoQ) หลังปรับเพิ่มราคาเครื่องดื่ม
กำไรฟื้นปี 2566 แม้จะมีแรงกดดันด้านอัตรากำไร
คาดกำไรฟื้นตัวในไตรมาส 1/2566 ตามค่าการตลาดค้าปลีกน้ำมันที่ฟื้นจากฐานต่ำในไตรมาส 4/2565 หลังโรงกลั่นในประเทศกลับมาเดินเครื่องตามปกติ แต่ด้วยการที่กองทุนน้ำมันยังขาดทุน (ราว 1.21 แสนล้านบาท ณ เดือนม.ค.2566) เราจึงคาดว่าทางหน่วยงานกำกับดูแลจะเก็บส่วนประหยัดราคาน้ำมันดีเซลเอาไว้ ซึ่งจะทำให้ค่าการตลาดค้าปลีกน้ำมันของผู้ค้าปลีกอยู่ในระดับค่าเฉลี่ย
เราปรับลดประมาณการกำไรปี 2565 ลง 30% เป็น 1.13 หมื่นล้านบาท (จาก 1.61 หมื่นล้านบาท ) และปี 2566 ลง 16% เป็น 1.17 หมื่นล้านบาท (จาก 1.41 หมื่นล้านบาท หลังคาดว่าค่าการตลาดค้าปลีกน้ำมันจะลดเหลือ 1.0/0.9 บาทลิตรในปี 2565/2566 ตามลำดับ
คงคำแนะนำ "ซื้อ" แต่ลดมูลค่าพื้นฐานเป็น 26.0 บาท
ลดมูลค่าพื้นฐานเป็น 26.0 บาท หลังปรับลดประมาณการกำไรปี 2566 ลง อิง 26xPE'2566 คิดเป็นส่วนลด 10% ต่อค่าเฉลี่ยกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยในไทย มองว่าราคาหุ้นที่ลดลง 6% YTD สะท้อนภาพรวมกำไรที่อ่อนแอและแรงกดดันต่ออัตรากำไรในไตรมาส 4/2565 ไปแล้ว
ขณะที่คาดว่ากำไรจะฟื้นตัวในไตรมาส 1/2566 และหลังจากนั้นหนุนจากการเติบโตของยอดขายน้ำมัน และ non-oil ซึ่งคาดว่าจะช่วยหนุนทิศทางราคาหุ้นได้
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์
