PTTEP เผยปี 65 กำไรสุทธิ 7.09 หมื่นล้าน –ปันผล ในอัตรา 5 บาท/หุ้น XD 14 ก.พ.

PTTEP เผยปี 65 กำไรสุทธิ 7.09 หมื่นล้าน –ปันผล ในอัตรา 5 บาท/หุ้น XD 14 ก.พ.

PTTEP เผยปี 65 กำไรสุทธิ 7.09 หมื่นล้าน เพิ่มขึ้นจากปี 64 ที่ 3.89 หมื่นล้าน เหตุปริมาณขายปิโตรเลียมในประเทศเพิ่มขึ้น พร้อมอนุมัติจ่ายเงินปันผลในอัตรา 5 บาท XD 14 ก.พ. 66 ส่วนแผนงานหลักในปี 2566 จะเร่งเพิ่มอัตราการผลิตก๊าซธรรมชาติในโครงการจี 1/61

นายมนตรี ลาวัลย์ชัยกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP เปิดเผยผลดำเนินงานบริษัทในปี 2565 บริษัทมีกำไรสุทธิ 70,901,335 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 38,863,595 ล้านบาท

สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทในปี 2565 เติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยสามารถรักษาระดับต้นทุนต่อหน่วย (Unit Cost) ที่ 28.36 ดอลลาร์ และมีปริมาณขายปิโตรเลียมเฉลี่ย (Sales volumes) 468,130 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน หรือเพิ่มขึ้น 12% จาก 416,141 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวันในปี 2564 ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการผลิตปิโตรเลียมของโครงการในต่างประเทศ เช่น โครงการโอมานแปลง 61 และโครงการมาเลเซีย แปลงเอช รวมทั้ง โครงการในประเทศ ได้แก่ โครงการจี 1/61 ด้วย ในขณะที่ราคาขายผลิตภัณฑ์เฉลี่ยในปี 2565 ปรับตัวสูงขึ้นตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก

ส่งผลให้ในปี 2565 บริษัทมีรายได้รวม 339,902 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32% จากปี 2564 ซึ่งมีรายได้รวม 234,631 ล้านบาท โดยในปี 2565 ปตท.สผ. สามารถนำส่งรายได้ให้กับรัฐในรูปของภาษีเงินได้ ค่าภาคหลวง และส่วนแบ่งผลประโยชน์อื่น ๆ  ประมาณ 62,000 ล้านบาท เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในการพัฒนาประเทศด้านต่าง ๆ เช่น การพัฒนาชุมชน การศึกษา และการวิจัยและพัฒนา เป็นต้น

            ทั้งนี้ บริษัทอนุมัติจ่ายปันผลในอัตรา 5.00 บาทต่อหุ้น XD 14 ก.พ. 2566 หลังได้จ่ายปันผลสำหรับงวด 6 เดือนแรกไปแล้วในอัตรา 4.25 บาทต่อหุ้น รวมทั้งปีจ่ายปันผล 9.25 บาทต่อหุ้น 

นายมนตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า ปตท.สผ. กำลังมองหาโอกาสการลงทุนในธุรกิจใหม่ รองรับการเปลี่ยนผ่านของธุรกิจพลังงานเพื่อสร้างการเติบโตในอนาคต ควบคู่ไปกับการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เพื่อเป้าหมายการเป็นองค์กรคาร์บอนต่ำ เช่น การลงทุนในธุรกิจเกี่ยวกับพลังงานหมุนเวียน พลังงานรูปแบบใหม่ และนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัย โดยได้จัดตั้งบริษัทย่อยต่าง ๆ เพื่อรองรับการลงทุนดังกล่าว เช่น บริษัท เอ็กซ์พลอร์ เวนเจอร์ส (Xplor Ventures) ในรูปแบบ Corporate Venture Capital (CVC) เพื่อลงทุนในบริษัทสตาร์ทอัพ (Startup) ที่มีเทคโนโลยีใหม่ ๆ เป็นต้น

สำหรับปี 2566 บริษัทได้ตั้งงบประมาณการลงทุน จำนวน 5,481 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สรอ. (เทียบเท่า 191,818 ล้านบาท) เพื่อรองรับแผนการดำเนินงานต่าง ๆ  ได้แก่ การเพิ่มปริมาณการผลิตปิโตรเลียมจากโครงการผลิตหลักที่สำคัญ ได้แก่ โครงการจี 1/61 โครงการจี 2/61 โครงการอาทิตย์ โครงการคอนแทร็ค 4 โครงการเอส 1 และโครงการผลิตในประเทศมาเลเซีย การเร่งผลักดันโครงการหลักที่อยู่ในระหว่างการพัฒนา ได้แก่ แหล่งลัง เลอบาห์ ในโครงการมาเลเซีย เอสเค 410 บี และโครงการโมซัมบิก แอเรีย 1 รวมถึง การเร่งการสำรวจในโครงการต่าง ๆ ในประเทศไทย มาเลเซีย และโอมาน นอกจากนี้ ยังได้สำรองงบประมาณ จำนวน 4,800 ล้านดอลลาร์ สรอ. (เทียบเท่า 166,052 ล้านบาท)

สำหรับช่วง 5 ปี (2566 - 2570) เพื่อขยายการลงทุนในธุรกิจใหม่ รองรับการเปลี่ยนผ่านทางพลังงาน โดยขณะนี้ บริษัทอยู่ในระหว่างการศึกษาและพัฒนาธุรกิจใหม่ต่าง ๆ เช่น ธุรกิจไฟฟ้า ธุรกิจพลังงานหมุนเวียน ธุรกิจ CCS  ธุรกิจการดักจับคาร์บอนและการใช้ประโยชน์ (Carbon Capture and Utilization  หรือ CCU) ธุรกิจไฮโดรเจนสะอาด รวมทั้ง การต่อยอดเทคโนโลยีที่บริษัทกำลังพัฒนาอยู่ไปสู่ธุรกิจเชิงพาณิชย์