บล.กสิกรไทย หวังเห็นหุ้นไทยแตะ 1,700 จุดภายในสิ้นปี รับศก.ฟื้น-เฟดชะลอขึ้นดอกเบี้ยแรง

บล.กสิกรไทย หวังเห็นหุ้นไทยแตะ 1,700 จุดภายในสิ้นปี รับศก.ฟื้น-เฟดชะลอขึ้นดอกเบี้ยแรง

บล.กสิกรไทย ระบุยังมีมุมมองบวกต่อตลาดหุ้นไทย หลังเศรษฐกิจฟื้นตัวต่อเนื่อง ส่วนปัจจัยต่างประเทศคาด Fed จะขึ้นดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมช่วงกลางสัปดาห์ที่จะถึงนี้ พร้อมแนะนำ 3 กลยุทธ์การลงทุนระยะ "สั้น-กลาง-ยาว"

บล.กสิกรไทย ประเมินว่า การประชุม Fed ในช่วงกลางสัปาดาห์หน้าไม่น่าจะเปลี่ยนแปลงไปจากที่ตลาดคาดการณ์ไว้ว่าจะขึ้นดอกเบี้ย 0.50% ส่วนโอกาสในการขึ้นดอกเบี้ย 0.75% มีไม่มาก

ส่วนปัจจัยในประเทศยังเห็นสัญญาณบวกต่อเศรษฐกิจไทย โดยฝ่ายวิจัยยังคงมุมมองบวกต่อตลาดหุ้นไทย มองว่าหากดัชนีที่ย่อลงมาบริเวณ 1,605 จุด เป็นจังหวะทยอยสะสม โดยแนวต้านสำคัญของ SET Index ในช่วงที่เหลือของปีประเมิน 1,666 จุด และ 1,700 จุดในกรณีดีสุด

ระยะสั้น : แนะนำเก็งกำไร

1.) กลุ่มส่งออกอาหารสัตว์ เช่น หุ้นใหม่ ITC หนึ่งในผู้ผลิตอาหารสัตว์รายใหญ่ที่สุดของโลก

2.) กลุ่มที่เชื่อมโยงกับจีน เช่น PSL, EKH, SCGP, AOT, AAV จากกระแสจีนเดินหน้าเปิดประเทศ ล่าสุด รัฐบาลฮ่องกงประกาศปรับลดระยะเวลาการกักตัวผู้ป่วยโควิด-19 และผู้สัมผัสใกล้ชิด จาก 7 วัน เป็น 5 วัน และเซี่ยงไฮ้ประกาศยกเลิกกฎเกณฑ์ที่กำหนดให้ประชาชนต้องแสดงผลตรวจโควิดเป็นลบก่อนเข้าร้านอาหาร   

3.) กลุ่ม Anti Commodity ตามทิศทางราคาน้ำมันดิบ Brent  ยังปรับลงทำ New low ในรอบ 1 ปี เป็นปัจจัยบวกต่อกลุ่ม Retail oil อาทิ PTG, OR  ส่วนกลุ่มหุ้นที่แนะนำชะลอลงทุนระยะสั้น หลักๆคือ กลุ่มพลังงานและโรงกลั่น

 

ระยะกลาง : แนะนำสะสมและ Run profit  

1.) กลุ่ม Growth stock แนะนำ JMT, KLINIQ    

2.) หุ้น Defensive พื้นฐานดี, Downside จำกัด แนะนำ BEM, BAM

3.) กลุ่มนิคมฯ ได้ประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิต AMATA    

4.) กลุ่มโรงแรม SHR, MINT

 

ระยะยาว : เรามีมุมมองบวกต่อ 4 กลุ่มที่คาดจะเห็นการเติบโตในปี 2023 คือ

1.) เสริมความ อาทิ KLINIQ  

2.) กลุ่มอาหารสัตว์ อาทิ AAI, ITC 

3.) กลุ่ม Tech Consult อาทิ BE8, BBIK 

4.) โรงไฟฟ้า   

5.) หุ้นปันผลสูง แนะนำให้ทยอยสะสมในเดือน ธ.ค. และขายในช่วงปลาย 1Q23 โดยจากสถิติ SETHD Index ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยที่ 7.0% เทียบกับ SET Index ที่ 4.25% ในไตรมาส 1 ในช่วง 7 ปีที่ผ่านมา  

แนะนำหุ้น ที่จ่ายเงินปันผลมากกว่า 4% และหุ้นที่มี upside มากกว่า 10% ต่อราคาเป้าหมายของเรา หุ้นปันผลเด่นแนะนำ AP, KTB, QH, ORI, THANI, KKP, LH, BBL, EGCO, RATCH.

 

Top pick 

- ITC (ราคาพื้นฐาน 40.8 บาท)  

KS เริ่มต้นออกบทวิเคราะห์ ITC หนึ่งในผู้ผลิตอาหารสัตว์รายใหญ่ที่สุดของโลกด้วยคำแนะนำ “ซื้อ” เพราะกำลังเข้าสู่เฟสเติบโตจากการขยายกำลังการผลิต

ปัจจัยหนุนกำไรปี 65-67 คาดมาจาก 1.) การขยายกำลังการผลิต 2.) อุตสาหกรรมอาหารสัตว์เลี้ยงที่โตขึ้น 3.) ตำแหน่งผู้นำในตลาดและ 4.) สถานะการเงินที่แข็งแกร่ง 

คาดกำไรปกติเติบโตขึ้นด้วย CAGR ช่วง 3 ปี (ปี 2564-67) ที่ 34% แนวโน้มกำไรสุทธิไตรมาส 4/2565 เราจะเติบโตขึ้น YoY

 

- BEM (ราคาพื้นฐาน 10.84 บาท)

ถือเป็นหุ้น Defensive  Stocks ในช่วงที่ตลาดผันผวน โดยปัจจัยหนุนราคาหุ้นจากทิศทางการเติบโตของธุรกิจ อาทิ การฟื้นตัวของปริมาณการจราจรบนทางด่วนและ MRT ที่สูงขึ้น ประมาณการปริมาณการใช้ทางพิเศษของ BEM ในปี 2566 ที่ 1.15 ล้านเที่ยว/วัน คิดเป็น 93% ของระดับก่อนเกิดโควิด-19 และ 369,000 เที่ยว/วัน ใน MRT คิดเป็น 109% ของระดับก่อนเกิดโควิด-19 

รวมทั้ง อานิสงส์จากการปรับอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้า MRT ทีสูงขึ้น และการเริ่มต้นโครงการทางด่วน 2 ชั้น ในปี 2566

 

- BGRIM (ราคาพื้นฐาน 61.25 บาท)

ราคา Gas pool price แนวโน้มแกว่งตัวลง และค่าเงินบาทที่แนวโน้มแข็งค่า ล่าสุดบาทลงมาใกล้แตะ 35.0 บาทอีกครั้ง โดยเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นทุกๆ 1 บาท/ดอลลาร์ คาดจะเพิ่ม upside เชิงบวกต่อประมาณการกำไรสุทธิปี 2566 ของ BGRIM  ที่ 9.9% 

และหากปรับขึ้นค่า Ft จะบวกต่อ BGRIM เนื่องจาก rate ปัจจุบัน ยังไม่สะท้อนราคา Gas ซึ่งจะทำให้ BGRIM กำไรฟื้นตัวเร็วขึ้น