“ดร.ภากร” ชี้ไตรมาส 4 "หุ้นไทย" ยังผันผวนตามตลาดโลก

“ดร.ภากร” ชี้ไตรมาส 4 "หุ้นไทย" ยังผันผวนตามตลาดโลก

“ดร.ภากร” ชี้ตลาดหุ้นไทยไตรมาส 4 ปี 65 ยังผันผวนตามดัชนีฯ ทั่วโลก แต่เศรษฐกิจในประเทศฟื้นดีต่อเนื่อง หลังภาคการท่องเที่ยว และส่งออก แนะจับตามนโยบายขึ้นดอกเบี้ย กระทบเงินเฟ้อ ทำเศรษฐกิจชะลอตัว

ดร.ภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทยช่วงที่เหลือของปี 2565 มองว่าจะยังคงมีความ “ผันผวน” อย่างต่อเนื่องในทิศทางเดียวกันกับทั่วโลก หลังจากช่วงที่ผ่านมาทั่วโลกได้รับผลกระทบค่อนข้างอย่างมาก จากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย และยูเครน ซึ่งส่งผลให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับเพิ่มสูงขึ้นมากจนเกิดปัญหาด้านอุปทาน (Supply Side) แม้ด้านอุปสงค์ (Demand Side) ความต้องการบริโภคไม่ได้สูงขึ้นมากนัก แต่ราคาสินค้าสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ธนาคารกลางทั่วโลกจำเป็นต้องมีการเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ

ขณะที่ สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 คลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น เป็นปัจจัยหนุนให้ภาพรวมกิจกรรมทางด้านเศรษฐกิจ และการท่องเที่ยวกลับมา ผลักดันให้การบริโภคภายในประเทศฟื้นตัว เป็นส่วนช่วยให้กลุ่มธุรกิจที่ได้ประโยชน์จากบริโภคภายในประเทศกลับมาฟื้นตัวตามไปด้วย โดยเฉพาะธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับท่องเที่ยว สุขภาพ โรงแรม และร้านอาหาร เป็นต้น

“ในช่วงที่เหลือของปีนี้มีทั้งปัจจัยทางบวก และปัจจัยทางลบเข้ามา จากในประเทศ และต่างประเทศ ซึ่งจะส่งผลให้ภาพรวมตลาดหุ้นไทยมีความผันผวนทั้งทางขึ้น และทางลง จึงแนะนำให้นักลงทุนติดตามปัจจัยต่างๆ ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง”

ส่วนมุมมองต่อผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนไทยในปี 65 เผชิญกับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น ราคาน้ำมันทรงตัวในระดับสูง และอัตราเงินเฟ้อพุ่งขึ้น จะเห็นได้จากช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา รายได้และกำไรปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อน ในขณะเดียวกันบางกลุ่มอุตสาหกรรมกลับมาเติบโตมากกว่าช่วงก่อนการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ด้วยซ้ำ

ขณะที่บริษัทจดทะเบียนต่างปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตให้ดีขึ้น และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำธุรกิจโดยใช้เทคโนโลยีที่ดีขึ้นในการดำเนินกิจการ เห็นได้ตั้งแต่หลังจากมีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นส่วนสนับสนุนให้ทิศทางผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ดร.ภากร ยังกล่าวถึงประเด็นปัจจัยทางการเมืองในประเทศ โดยเฉพาะกระแสการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) มองว่าจะไม่มีผลกระทบต่อภาพรวมของผู้ประกอบการ เนื่องจากในช่วงที่มาเป็นระยะเวลากว่า 20 ปี ภาคเอกชนไทยมีความแข็งแรงมากมีการขยายธุรกิจได้ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ มีการดำเนินธุรกิจที่มีความหลากหลาย

“เอกชนไทยมีความเข้มแข็ง มีความยั่งยืน และมีความสามารถในการขยายธุรกิจสามารถแข่งขันได้กับทั่วโลก การที่จะพึ่งทางด้านการเมืองไม่มากนัก แต่การเมืองก็เป็นส่วนสำคัญ หากมีความมั่นคงแน่นอนจะยิ่งทำให้เศรษฐกิจของเราเติบโต และแข็งแรงกว่าเดิมอีก อย่างไรก็ตามหากย้อนไปกว่า 20 ปี ประเทศไทยมีการเมืองที่ไม่แน่นอนมาหลายครั้งแต่ภาคธุรกิจของเราก็ไม่ได้กระทบ”

ดร.ศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการหัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดหุ้นไทยยังคงมีความน่าสนใจ เนื่องจากการท่องเที่ยวฟื้นและส่งออก ซึ่งเป็นปัจจัยช่วยหนุน แม้ว่าช่วงนี้จะมีปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นทั่วโลก และต้องติดตามใกล้ชิดคือ ประเด็นเงินเฟ้อ และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แต่ตลาดหุ้นไทยยังปรับตัวผันผวนน้อยกว่าเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นเพื่อนบ้าน

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์