‘รายใหญ่’ ฟันธงไอพีโอไม่ไร้เสน่ห์ ! แนะเลือกเป็นรายตัว ‘ธุรกิจ & กำไร’ โต

‘รายใหญ่’ ฟันธงไอพีโอไม่ไร้เสน่ห์ !  แนะเลือกเป็นรายตัว ‘ธุรกิจ & กำไร’ โต

"2รายใหญ่" ฟันธงหุ้นไอพีโอยัง "ไม่ไร้เสน่ห์" เพียงแค่ตลาดไม่เอื้อให้ลงทุน เนื่องจาก SET INDEX ผันผวนแรง แนะเลือกลงทุนเป็นรายตัว "ธุรกิจ & กำไร" อนาคตเติบโต !

หุ้นที่กำลังเตรียมตัวจะเสนอขายให้ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก ! เพื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือที่รู้จักกันว่า “ไอพีโอ” ซึ่งอาจจะเป็นหุ้นที่นักลงทุนไม่รู้จักเลยว่าบริษัทดังกล่าวทำธุรกิจอะไร ! หรืออาจจะเป็นบริษัทที่นักลงทุนรู้จักธุรกิจดีในตลาดผ่านการใช้สินค้าหรือบริการต่างๆ และหนึ่งในคุณสมบัติโดดเด่นของหุ้นไอพีโอคือ “แรงเก็งกำไร” ตั้งแต่วันแรก... 

อย่างไรก็ตาม ในภาวะที่ตลาดหุ้นไทยไม่เอื้ออำนวยให้กับการลงทุนเช่นนี้ ! สะท้อนผ่านความผันผวนอย่างหนักของ ดัชนี SET INDEX ที่ปัจจุบันถูก “กดดัน” จากปัญหาการเมืองในประเทศที่ยังไม่มีความชัดเจน และอีกหนึ่งปัจจัยคือ การขาดความเชื่อมั่นของนักลงทุนจากเหตุการณ์ตกแต่งบัญชีของหุ้น บริษัท สตาร์ค คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK ที่คาดว่าจะสร้างความเสียหายระดับ “หมื่นล้านบาท” และมีผู้เสียหายหลายส่วน ! 

สอดคล้องกับ “ดร.ภากร ปีตธวัชชัย” กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ยืนยันคุณภาพหุ้นไอพีโอในปัจจุบันไม่ได้ “ลดลง” เพราะหลักเกณฑ์รับหลักทรัพย์ยังเท่าเดิมและคุณภาพมาตรฐานบัญชียังเหมือนเดิม แต่ในช่วงอีก 2-3 ปีข้างหน้ากฎระเบียบจะเข้มข้นมากขึ้น โดยปีหน้าจะเริ่มมีการปรับใช้มาตรฐานบัญชีใหม่สำหรับหุ้นไอพีโอ

ขณะที่ ปัจจุบันมีบริษัทน้องใหม่ที่กำลังรอเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์อยู่จำนวน 46 บริษัท ซึ่งแบ่งเป็นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) จำนวน 30 บริษัท และตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) จำนวน 16 บริษัท ซึ่งจริงๆ แล้วกลุ่มบริษัทเหล่านี้ยังไม่ต้องปรับใช้มาตรฐานบัญชีใหม่ โดยยืนยันว่าบริษัทเหล่านี้ไม่ได้เร่งเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหุ้นเพราะเตรียมจะเลี่ยงเกณฑ์ใหม่

ส่วนเรื่องหุ้นไอพีโอที่ปรับตัวลดลงในวันแรกนั้น มองว่ามีอยู่ 2 ปัจจัย ได้แก่ 1.สถานการณ์ภาวะตลาดในวันนั้นๆ ซึ่งภาพรวมตลาดอาจไม่ดีนัก และ 2.เรื่องความรับผิดชอบของที่ปรึกษาทางการเงิน (FA) และบริษัทจดทะเบียน

ซึ่งการกำหนดราคานั้นอาจไม่สอดคล้องกับมุมมองของผู้ลงทุนหรือไม่ ส่วนหน้าที่ของตลท.คือเน้นการให้บริษัทเปิดเผยข้อมูลให้นักวิเคราะห์ได้ใช้วิเคราะห์ ส่วนเรื่องเซ็นทริเม้นต์ของภาพรวมตลาดเป็นความเสี่ยงของปีนี้ที่มากกว่าปีอื่นๆ 

‘รายใหญ่’ ฟันธงไอพีโอไม่ไร้เสน่ห์ !  แนะเลือกเป็นรายตัว ‘ธุรกิจ & กำไร’ โต “กรุงเทพธุรกิจ” มีการสอบถามมุมมองของ “2นักลงทุนรายใหญ่” ในแวดวงการลงทุนในตลาดหุ้น ถึงสถานการณ์ลงทุนใน “หุ้นไอพีโอ” ว่ายังมีความน่าสนใจหรือไม่ ?

“เสี่ยป๋อง-วัชระ แก้วสว่าง” นักลงทุนรายใหญ่สไตล์เทคนิค เจ้าของพอร์ตลงทุนระดับ “พันล้านบาท” บอกว่า สถานการณ์การลงทุนในหุ้นไอพีโอปัจจุบันถือว่าตลาดกำลังต่อสู้กับสภาวะการลงทุนที่ไม่เอื้ออำนวย เนื่องจากปัจจัยหลักที่กระทบบรรยากาศการลงทุนในหุ้นไอพีโอคือ จังหวะของตลาดหุ้นไทยที่ตกอยู่ในภาวะ “ผันผวนหนัก” 

ดังนั้น ต่อให้หุ้นไอพีโอจะมีพื้นฐานธุรกิจดีหรือไม่ดีก็มีโอกาสที่เข้าซื้อขายในวันแรกราคาจะไม่ “หวือหวา” หรือ อาจจะเปิด “ต่ำกว่าราคาจอง” 

ดังนั้น สำหรับ “กลยุทธ์การลงทุน” ในช่วงที่จังหวะภาวะตลาดหุ้นไทยเป็นเช่นนี้ คงต้องเลือกการลงทุนในหุ้นไอพีโอเป็นรายตัวไป ซึ่งหากมองในภาพใหญ่จริงๆ ไอพีโอทุกตัวที่เข้ามาในตลาดหุ้นถือเป็นธุรกิจที่ดีหมด แต่ว่าเมื่อบรรยากาศการลงทุนในตลาดไม่ดี ก็ทำให้ไอพีโอทุกตัวที่กำลังจะเข้ามาระดมทุนอาจจะมีความเสี่ยงที่ราคาจะต่ำจองบ้าง...

“จะเห็นว่าหากบรรยากาศลงทุนในตลาดหุ้นดี หุ้นไอพีโอแทบทุกตัวราคาก็จะขึ้นกันหวือหวายืนเหนือราคาจองได้ แต่ในภาวะที่การลงทุนในตลาดหุ้นไม่เอื้อเช่นนี้ก็จะเห็นราคาเปิดวันแรกไม่ค่อยดี หรือ อาจจะต่ำจองได้ ซึ่งเซ็นทริเม้นต์ตลาดถือว่าเป็นปัจจัยสำคัญมาก นอกจากพื้นฐานธุรกิจของไอพีโอแต่ละตัวแล้ว” 

“เสี่ยป๋อง” บอกต่อว่า อย่างหุ้นไอพีโอ บริษัท ไอ ทู เอ็นเตอร์ไพรซ์ จำกัด (มหาชน) I2 และ บริษัท เคซีจี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ KCG ถือเป็นไอพีโอที่มีพื้นฐานธุรกิจที่ดี แต่บรรยากาศการลงทุนไม่อำนวย

เนื่องจากสถานการณ์ “กดดัน” ทางการเมืองส่งผลให้นักลงทุนกล้าๆ กลัวๆ และไม่กล้าลงทุน พร้อมทั้งต้องการรอดูความชัดเจนจากการเมืองก่อน ทำให้ราคาหุ้นทั้ง I2 และ KCG อาจจะเปิดวันแรกไม่โดดเด่นมากนัก ซึ่งส่วนตัวก็ได้สิทธิจองซื้อหุ้น I2 เช่นกัน แต่ก็ทยอยขายออกไปตอนเปิดตลาดวันแรกแล้ว... 

“เสี่ยปู่-สมพงษ์ ชลคดีดำรงกุล” นักลงทุนรายใหญ่ มีมุมมองต่อการลงทุนในหุ้นไอพีโอว่า สถานการณ์การลงทุนในตลาดหุ้นไอพีโอในปัจจุบันด้วยบรรยากาศการลงทุนไม่หนุน ดังนั้น นักลงทุนที่จองซื้อหุ้นไอพีโอส่วนใหญ่จะเลือกลงทุนในหุ้นที่ผลประกอบการมีทิศทางและแนวโน้ม “กำไร” เติบโตต่อเนื่องเป็นหลัก 

โดย ณ ปัจจุบันสำหรับ “กลยุทธ์” การลงทุนส่วนตัวจะเน้นลงทุนในหุ้นที่มีผลดำเนินงานเป็นกำไรและธุรกิจมีการเติบโตยั่งยืน ซึ่งเป้าหมายจะถือลงทุนในระยะยาว ดังนั้น สิ่งสำคัญผลประกอบการจะต้องมีกำไรเติบโตสม่ำเสมอ 

อย่างไรก็ตาม ที่เห็นภาพหุ้นไอพีโอที่เข้าระดมทุนในตลาดวันแรกราคาต่ำจองในหุ้นบางตัวนั้น มองว่า จังหวะของบรรยากาศการลงทุนไม่เอื้อด้วย และอีกส่วนหนึ่งมาจากการตั้งราคาจองซื้อหุ้นไอพีโอที่หุ้นไอพีโอบางตัวราคาหุ้นจองซื้อ “สูงมาก” ซึ่งตรงนี้นักลงทุนก็มองว่าซื้อหุ้นในที่มีอยู่แล้วในตลาดดีกว่าไหม ? เพราะราคาถูกกว่าด้วยซ้ำ ! 

ดังนั้น เวลาจะเข้าซื้อหรือจะขายหุ้นตัวไหนจะค่อยๆ ทำไม่เร่งรีบ รวมทั้งยึดหลักลงทุนอย่างใช้ความ “ระมัดระวัง” และ จะเลือกลงทุนในธุรกิจที่ “เชื่อมั่น และ มั่นใจ” ว่า อนาคตจะมีอัตราการเติบโตอย่าง “โดดเด่น” แม้ว่าในปัจจุบันจะยังไม่เห็นการเติบโตอะไรที่น่าดึงดูดมากนักก็ตาม !