เจาะลึกนโยบายใหม่ ยกเว้นภาษีเงินได้จากกำไรสินทรัพย์ดิจิทัล

เจาะลึกนโยบายใหม่ ยกเว้นภาษีเงินได้จากกำไรสินทรัพย์ดิจิทัล

พาไปเจาะลึกนโยบายยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สำหรับกำไรจากการขายสินทรัพย์ดิจิทัล สินทรัพย์ที่ได้รับการยกเว้น ผู้มีสิทธิได้รับการยกเว้น การโอนที่เข้าข่ายยกเว้น

ในยุคดิจิทัลที่การลงทุนและการถือครองสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างคริปโตเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลกลายเป็นเรื่องปกติในสังคมไทย หน่วยงานภาครัฐต่างต้องปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในเศรษฐกิจรูปแบบใหม่ เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของนักลงทุนและส่งเสริมให้เศรษฐกิจดิจิทัลเติบโตอย่างยั่งยืน

ล่าสุดรัฐบาลไทยได้ออก "นโยบายยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สำหรับกำไรจากการขายสินทรัพย์ดิจิทัล" ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการสนับสนุนอุตสาหกรรมคริปโตเคอร์เรนซีของประเทศ

ดังนั้นในบทความนี้จะพาไปเจาะลึกถึงรายละเอียดของนโยบายดังกล่าว ความหมายของการยกเว้นภาษี ขอบเขตที่บังคับใช้ ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นทั้งในมุมของผู้ลงทุน รายได้รัฐ และภาพรวมของเศรษฐกิจ พร้อมทั้งข้อควรระวังสำหรับผู้ที่เกี่ยวข้อง

ความเป็นมาของนโยบาย

ก่อนหน้านี้นักลงทุนที่ได้รับกำไรจากการขายสินทรัพย์ดิจิทัล เช่น บิตคอยน์ (Bitcoin) หรือโทเคนดิจิทัลอื่นๆ ต้องนำรายได้ส่วนนี้ไปรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา โดยมีอัตราตามขั้นบันไดภาษีที่อาจสูงถึง 35% ขึ้นอยู่กับรายได้รวมต่อปี นอกจากนี้ยังมีภาระทางภาษีอื่น เช่น ภาษีหัก ณ ที่จ่าย 15% สำหรับการโอนคริปโตผ่านแพลตฟอร์มในประเทศ

เมื่อคริปโตเคอร์เรนซีได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จึงทำให้เกิดเสียงเรียกร้องจากภาคเอกชนและนักลงทุนให้รัฐทบทวนกฎหมายภาษีที่เกี่ยวข้อง เพราะมองว่าเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมเทคโนโลยีทางการเงิน (FinTech) และอาจทำให้นักลงทุนย้ายไปลงทุนในประเทศอื่นที่มีนโยบายเอื้อต่อสินทรัพย์ดิจิทัลมากกว่า

รายละเอียดของนโยบายใหม่ มีอะไรบ้าง

รัฐบาลได้ประกาศยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับกำไรที่เกิดจากการขายหรือโอนสินทรัพย์ดิจิทัลในบางกรณี โดยมีรายละเอียดสำคัญดังต่อไปนี้

1. สินทรัพย์ที่ได้รับการยกเว้น ได้แก่ Cryptocurrency, Investment Token และ Utility Token ที่ซื้อขายผ่านศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลที่ได้รับใบอนุญาตจาก ก.ล.ต. ในประเทศไทยเท่านั้น

2. ผู้มีสิทธิได้รับการยกเว้น ได้แก่ เฉพาะบุคคลธรรมดา ที่มีกำไรจากการขายสินทรัพย์ดิจิทัล ไม่รวมถึงนิติบุคคล

3. ลักษณะของการโอนที่เข้าข่ายยกเว้น ต้องเป็นการโอนผ่านตลาดรองในระบบที่กำกับโดยรัฐ ไม่ครอบคลุมถึงการซื้อขายนอกระบบ หรือการทำธุรกรรมผ่านกระเป๋าเงินส่วนตัวแบบ Peer-to-Peer

4. ช่วงเวลาที่บังคับใช้ มีผลตั้งแต่ 1 มกราคม 2568 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2572 เป็นต้นไป โดยครอบคลุมรายได้ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นปีภาษี 2568

ผลดีและผลเสียของนโยบายใหม่

1. กระตุ้นการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล การยกเว้นภาษีจะช่วยลดต้นทุนของนักลงทุน ทำให้เกิดแรงจูงใจในการเข้าลงทุนในตลาดคริปโตมากขึ้น โดยเฉพาะนักลงทุนรายย่อยที่ต้องการผลตอบแทนที่สูงกว่าตลาดการเงินทั่วไป

2. ส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมบล็อกเชนและ Web3 นโยบายนี้สามารถจูงใจให้สตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีเลือกตั้งบริษัทในไทย หรือดำเนินโครงการ ICO/ITO ผ่านแพลตฟอร์มในประเทศ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจดิจิทัลในระยะยาว

3. ลดภาระงานของกรมสรรพากร การติดตามภาษีจากการซื้อขายคริปโตถือว่ามีความซับซ้อนสูง การยกเว้นภาษีจึงช่วยลดภาระของเจ้าหน้าที่ และเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บภาษีในรูปแบบอื่น

4. ส่งผลกระทบรายได้ภาครัฐในระยะสั้น แม้จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่รายได้จากภาษีส่วนนี้อาจหายไปในระยะเริ่มต้น โดยเฉพาะหากตลาดคริปโตยังคงมีความผันผวนและยังไม่มีกลไกควบคุมที่เข้มงวดเพียงพอ

ข้อควรระวังสำหรับนักลงทุน

แม้นโยบายนี้จะเปิดโอกาสให้ลงทุนในคริปโตได้อย่างมีอิสระมากขึ้น แต่ก็ยังมีข้อควรระวังที่ผู้ลงทุนไม่ควรมองข้าม ได้แก่

  • ต้องตรวจสอบว่าแพลตฟอร์มที่ใช้งาน ได้รับอนุญาตจาก ก.ล.ต. หากซื้อขายผ่านช่องทางอื่น อาจไม่อยู่ในขอบเขตของการยกเว้นภาษี
  • การเก็บหลักฐานการซื้อขาย เป็นสิ่งสำคัญเพื่อใช้ยืนยันรายการที่ได้รับการยกเว้นภาษี
  • ศึกษาความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาดคริปโต และหลีกเลี่ยงการลงทุนตามกระแสโดยไม่เข้าใจพื้นฐาน
  • ติดตามข่าวสารด้านภาษีอย่างต่อเนื่อง เพราะนโยบายอาจเปลี่ยนแปลงตามสถานการณ์เศรษฐกิจและการเมือง

สรุป การยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับกำไรจากการขายสินทรัพย์ดิจิทัล ถือเป็นก้าวสำคัญของประเทศไทยในการปรับตัวเข้าสู่ยุคเศรษฐกิจดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ นโยบายนี้ไม่เพียงแต่เป็นแรงจูงใจต่อนักลงทุน แต่ยังสะท้อนให้เห็นถึงความตั้งใจของภาครัฐในการส่งเสริมเทคโนโลยีและการเงินยุคใหม่

อย่างไรก็ตามผู้ลงทุนยังคงต้องมีความรู้ ความเข้าใจ และระมัดระวังในการบริหารความเสี่ยงอยู่เสมอ เพราะแม้ภาษีจะถูกยกเว้น แต่ความผันผวนและความไม่แน่นอนของตลาดคริปโตก็ยังคงอยู่ หากสามารถปรับตัวและวางแผนได้ดี นโยบายนี้อาจกลายเป็นประตูสู่โอกาสใหม่ในการสร้างรายได้และเติบโตไปพร้อมกับเศรษฐกิจดิจิทัลของไทย

 

อ่านบทความน่ารู้เกี่ยวกับภาษี เพิ่มเติม คลิกที่นี่
Source : Inflow Accounting