การลงทุนเชิงกลยุทธ์และการวางแผนภาษี – แนวทางสู่การส่งต่อทรัพย์สิน

การปกป้องทรัพย์สินและการเตรียมความพร้อมสำหรับการส่งต่อไม่ใช่แค่การโอนกรรมสิทธิ์เมื่อถึงเวลาเท่านั้น แต่ยังต้องพิจารณาระบบการจัดการทรัพย์สินว่าเอื้อต่อการโอนอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพหรือไม่ และผลประโยชน์จากทรัพย์สินสามารถแบ่งปันกันได้อย่างยุติธรรมระหว่างผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหรือไม่

บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ภาพรวมของแนวทางที่บุคคลหรือครอบครัวที่มีความมั่งคั่งสูง (High-Net-Worth Individuals) สามารถนำมาใช้เพื่อเพิ่มและรักษาทรัพย์สิน รวมถึงเตรียมส่งต่อไปยังรุ่นถัดไป พร้อมวิเคราะห์เชิงลึกเกี่ยวกับเครื่องมือและวิธีการหลักที่นิยมใช้ ได้แก่ 1.) สำนักงานจัดการทรัพย์สินของครอบครัว (Family Offices) 2.) กองทุนรวมแบบตัวแปร (VCCs) 3.) ทรัสต์ (Trusts) และ 4.) ธรรมนูญครอบครัว (Family Constitution)

1. สำนักงานจัดการทรัพย์สินของครอบครัว (Family Office)

Family Office คืออะไร ?

Family Office จัดตั้งขึ้นเพื่อบริหารจัดการทรัพย์สินของครอบครัว อาจเป็นแบบสำนักงานเดี่ยว (Single Family Office : SFO) หรือแบบรวมหลายครอบครัว (Multi-Family Office : MFO) โดย SFO ดูแลเฉพาะทรัพย์สินของครอบครัวเดียว ขณะที่ MFO ดูแลทรัพย์สินของหลายครอบครัว ซึ่งมีข้อกำหนดด้านกฎหมายที่แตกต่างกัน เช่น ในสิงคโปร์ MFO ต้องขอใบอนุญาต เพราะถือว่าเป็นการบริหารกองทุน แต่ SFO อาจไม่จำเป็นต้องมีใบอนุญาต

แม้ SFO จะไม่ถูกกำหนดนิยามไว้ในพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และฟิวเจอร์ (SFA) ของสิงคโปร์ แต่ตามแนวทางของ MAS (ธนาคารกลางสิงคโปร์) SFO หมายถึง "องค์กรที่บริหารทรัพย์สินให้กับหรือในนามของครอบครัวเดียว และเป็นเจ้าของหรืออยู่ภายใต้การควบคุมของสมาชิกในครอบครัวนั้น" โดยครอบครัวอาจหมายรวมถึงคู่สมรส อดีตคู่สมรส ลูกบุญธรรม และลูกเลี้ยง ล่าสุดในปี 2024 MAS ได้ขยายความหมายรวมถึงพ่อแม่ของคู่สมรส และพี่น้องของคู่สมรสด้วย

ความแตกต่างระหว่าง SFO และธนาคารส่วนบุคคล (Private Banking)

SFO สามารถให้คำแนะนำด้านการลงทุน การวางแผนมรดก และ การส่งต่อทรัพย์สิน ได้โดยเฉพาะเจาะจงสำหรับครอบครัว ขณะที่ธนาคารส่วนบุคคลมักให้บริการที่จำกัดเฉพาะผลิตภัณฑ์ของธนาคารนั้นๆ เช่น บริการให้กู้ แนะนำการลงทุน หรือจัดการพอร์ตการลงทุน

ประเภทของทรัพย์สินที่ SFO สามารถลงทุนได้

SFO มีอิสระในการเลือกลงทุนในพอร์ตต่างๆ ตามวัตถุประสงค์ เช่น หุ้นต่างประเทศ อสังหาริมทรัพย์ หรือการจัดตั้งบริษัทในต่างประเทศ ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับข้อกฎหมายหรือภาษีเพิ่มเติม

2. ทรัสต์ (Trusts)

Trust คืออะไร?

Trust เป็นการจัดการทางกฎหมายที่บุคคลหนึ่ง (เรียกว่า "ผู้ตั้งทรัสต์" หรือ Settlor) โอนทรัพย์สินให้กับบุคคลหรือองค์กร (Trustee) เพื่อดูแลแทน โดยมีผู้รับผลประโยชน์ (Beneficiaries) ที่กำหนดไว้ ซึ่งอาจเปลี่ยนแปลงได้ตามต้องการของ Settlor

เหตุผลที่ควรตั้ง Trust

• เป็นการจัดการแบบส่วนตัว ไม่ต้องจดทะเบียนกับหน่วยงานรัฐ
• ทรัพย์สินในทรัสต์ได้รับการคุ้มครองจากเจ้าหนี้หรือคดีความ หากผู้ตั้งทรัสต์ล้มละลายหรือถูกฟ้อง
• ทรัสต์ช่วยให้ผู้รับผลประโยชน์เข้าถึงทรัพย์สินได้ แม้ผู้ตั้งทรัสต์เสียชีวิตหรือไร้ความสามารถทางจิตใจ
• ทรัสต์บางประเภทให้ประโยชน์ทางภาษี โดยรายได้จากทรัสต์อาจเสียภาษีน้อยกว่ารูปแบบอื่น
• มีหลายประเภท เช่น Trust แบบเจตนา (express), แบบพิจารณาตามดุลยพินิจ (discretionary), ยกเลิกได้/ยกเลิกไม่ได้

3. ธรรมนูญครอบครัว (Family Constitution)

Family Constitution คืออะไร?

เมื่อครอบครัวเติบโตขึ้น มีธุรกิจหรือความมั่งคั่งมากขึ้น ก็จะเริ่มเห็นความสำคัญของการกำหนดกฎระเบียบในการบริหารจัดการครอบครัว Family Constitution จึงเป็นเอกสารที่กำหนดบทบาทของสมาชิกครอบครัวทั้งในและนอกธุรกิจ กฎการใช้ทรัพย์สิน เป้าหมาย และวิสัยทัศน์ของครอบครัว

เหตุผลที่ควรมี Family Constitution

• ช่วยลดความขัดแย้งเรื่องทรัพย์สิน ธุรกิจ หรือการตัดสินใจต่างๆ
• ช่วยให้สมาชิกในครอบครัวทุกคนมีส่วนร่วมในการกำหนดแนวทาง
• ควรเขียนในภาษาที่เข้าใจง่ายสำหรับทุกวัย และทบทวนอย่างต่อเนื่องเมื่อมีสมาชิกใหม่ หรือผู้บริหารอาวุโสไม่สามารถทำหน้าที่ต่อได้

4. สิทธิประโยชน์ทางภาษี (Tax Incentives)

จากการเติบโตทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ความต้องการเครื่องมือทางกฎหมายที่มีประสิทธิภาพในการปกป้องทรัพย์สินก็เพิ่มขึ้น สิงคโปร์เล็งเห็นถึงความจำเป็นนี้ และออกนโยบายส่งเสริมด้านภาษีสำหรับการจัดการทรัพย์สิน เช่น

• การยกเว้นภาษีสำหรับกองทุนรวมที่เข้าเกณฑ์ภายใต้กฎหมายภาษีเงินได้ มาตรา 13O และ 13U
• ที่รู้จักกันในชื่อ "Onshore Fund Tax Exemption Scheme" หรือ "Enhanced Tier Fund Tax Exemption Scheme"

นักลงทุนมักได้รับคำแนะนำจากที่ปรึกษาภาษีในการเลือกใช้โครงการที่เหมาะสม

5. สรุป

ทีมกฎหมายด้านทรัพย์สินส่วนบุคคล ภาษี และกองทุนของสำนักงาน PDLegal ทำงานร่วมกับลูกค้าทั่วโลกในการบริหารจัดการทรัพย์สินและวางแผนภาษีเพื่อเตรียมส่งต่อมรดก ร่วมมือกับธุรกิจครอบครัว สำนักงานทรัพย์สินส่วนบุคคล ผู้จัดการกองทุน และธนาคารเอกชน เพื่อหาทางออกที่เหมาะสมที่สุดให้กับลูกค้า

ข้อมูลจากงาน Global Asia Summit เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2024 Chee Hong Tat รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมและรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ระบุว่า ชุมชน Family Office ในสิงคโปร์กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วจาก 400 แห่งในปี 2020 เพิ่มเป็น 1,400 แห่งในปี 2023 และอีก 250 แห่งในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2024 รวมเป็น 1,650 แห่ง คาดว่าในปีนี้จะมีเพิ่มเกินกว่า 300 แห่งที่มีในปี 2023 และในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกจะเติบโตที่ 4.9% ในปี 2025 ซึ่งเป็นอัตราที่สูงที่สุดในโลก และสิงคโปร์ในฐานะศูนย์กลางของเอเชียจะได้รับประโยชน์และเติบโตไปพร้อมกัน