‘เศรษฐกิจจีน’ เสียโมเมนตัมการฟื้นตัวแรง พบภาคบริโภคแบกหนัก หวั่นโตไม่ถึง 5%

‘เศรษฐกิจจีน’ เสียโมเมนตัมการฟื้นตัวแรง พบภาคบริโภคแบกหนัก หวั่นโตไม่ถึง 5%

“ข้อมูล” เผยเศรษฐกิจจีนเสียโมเมนตัมการฟื้นตัว โดยความต้องการพักผ่อนหย่อนใจ และการขนส่งของผู้บริโภคชาวจีนในเดือนต.ค.ปรับตัวลดลงอย่างมาก “นักวิเคราะห์” ชี้เศรษฐกิจปัจจุบันอยู่ได้เพราะการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยมีภาคการบริโภคเป็นตัวพยุงการเติบโต

สำนักข่าวบลูมเบิร์ก (Bloomberg) รายงานผลสำรวจของ QuantCube Technology จากฝรั่งเศสควบคู่กับรายงานการสำรวจความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยบริษัทที่ปรึกษา Morning Consult ในสหรัฐเมื่อวันที่ 13 พ.ย. ว่า  

‘เศรษฐกิจจีน’ เสียโมเมนตัมการฟื้นตัวแรง พบภาคบริโภคแบกหนัก หวั่นโตไม่ถึง 5%

 

ดัชนีบ่งชี้ความต้องการพักผ่อนหย่อนใจ และการขนส่งของผู้บริโภคชาวจีนในเดือนต.ค.ปรับตัวลดลงอย่างมาก เมื่อเทียบกับการสำรวจในเดือนก.ย. ขณะที่แบบสำรวจความเชื่อมั่นทางธุรกิจส่วนตัวในเดือนต.ค.ของสถาบัน Cheung Kong Graduate School of Business ก็ลดลงเช่นเดียวกัน

 

โดยบทวิเคราะห์ของสำนักข่าวบลูมเบิร์ก ประเมินว่า เมื่อพิจารณาผลการศึกษาสำรวจข้างต้นร่วมกับข้อมูลรายงานของทางการจีนแสดงถึงการเติบโตของภาคการบริการที่อ่อนแอลง ขณะที่ราคาผู้บริโภคในเดือนต.ค.ที่ลดลงต่างชี้ชัดว่าการฟื้นตัวของการบริโภคจีนยังเผชิญกับความท้าทาย แม้รัฐบาลจีนจะประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมก็ตาม

โดยในช่วงเดือนก.ค. เจ้าหน้าที่ระดับสูงของจีนออกมาเตือนว่า ปัจจุบันการเติบโตเศรษฐกิจจีนเป็นการเติบโตระยะสั้น และด้วยภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว 

‘เศรษฐกิจจีน’ เสียโมเมนตัมการฟื้นตัวแรง พบภาคบริโภคแบกหนัก หวั่นโตไม่ถึง 5% ด้าน อัลลัน วอน เมห์เรน (Allan Von Mehren) หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ประเทศจีนที่ Danske Bank กล่าวว่า

คณะทำงานอยู่ในช่วงพิจารณาการฟื้นตัวแบบซิกแซกของจีน และคาดว่าจำเป็นต้องมีการกระตุ้นอย่างต่อเนื่อง หากต้องการเติบโตใกล้เคียงกับเป้าหมาย 5% ของรัฐบาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดที่อยู่อาศัย และการบริโภค

ขณะที่ธนาคารกลางจีน (PBOC) เปิดเผยว่า ความต้องการสินเชื่อระยะยาวขององค์กร และครัวเรือนจีนในเดือนต.ค.หดตัว ขณะที่ยอดการกู้เงินของรัฐบาลก็ปรับตัวสูงขึ้นสวนทางกัน ทั้งหมดแสดงให้เห็นว่าปัจจุบันเศรษฐกิจจีนขับเคลื่อนด้วยมาตรการกระตุ้นทางการคลังเป็นหลัก

 

 

 

“แนวโน้มการบริโภคภายในของจีนปี 2566 เป็นปัจจัยหลักที่พยุงเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม ตัวเลขดังกล่าวก็ยังคงน่ากังวล เพราะช่วงวันหยุดประจำชาติ Golden Week เดือนต.ค.ที่ผ่านมา ยอดการใช้จ่ายต่อหัวของนักท่องเที่ยวยังต่ำกว่าก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19”

ทั้งนี้ จากความปั่นป่วนดังกล่าวส่งผลให้รัฐบาลจีนประกาศอัดฉีดเม็ดเงิน ด้วยการออกพันธบัตรรัฐบาลเพิ่มเติมเพื่อรองรับภาวะการฟื้นหลังน้ำท่วมใหญ่เป็นกรณีพิเศษมูลค่า 1 ล้านล้านหยวน และใช้เป็นทุนฟื้นฟู และการป้องกันภัยพิบัติในช่วงปลายเดือนต.ค.

‘เศรษฐกิจจีน’ เสียโมเมนตัมการฟื้นตัวแรง พบภาคบริโภคแบกหนัก หวั่นโตไม่ถึง 5% อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งประเมินว่า แม้ท่าทีดังกล่าวของรัฐบาลจะส่งผลให้เกิดการจ้างงาน ทว่าก็ยังไม่เพียงพอที่จะยกระดับความต้องการบริโภคให้ขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง

ท้ายที่สุดนักเศรษฐศาสตร์ของ Goldman Sachs Group Inc. ประมาณการว่าในเดือนต.ค. ยอดค้าปลีกจะขยายตัวแตะระดับ 6.2% ต่อปี จากเดิม 5.5% ในเดือนก่อนหน้า ทว่ายังเป็นตัวเลขที่ลดลง 0.5% เมื่อพิจารณารายปีแบบเดือนต่อเดือน

“ด้วยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ที่ยังไม่ฟื้นตัวประกอบกับการส่งออกที่หดตัว ส่งผลให้การเติบโตของโดยรวมของเศรษฐกิจจีนชะลอตัวลงในช่วงครึ่งแรกของไตรมาส 4 ปีนี้”

อ้างอิง

Bloomberg

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์