ธปท.แนะ ‘แจกเงินดิจิทัล1หมื่นบาท’ควรทำเฉพาะกลุ่ม ย้ำไม่ใช้ CBDC แจกเงิน

ธปท.แนะ ‘แจกเงินดิจิทัล1หมื่นบาท’ควรทำเฉพาะกลุ่ม ย้ำไม่ใช้ CBDC แจกเงิน

ผู้ว่าธปท.ชี้ แจกเงินดิจิทัล ควรทำเฉพาะกลุ่ม เพื่อประหยัดงบภาครัฐ เพราะไม่ใช่ทุกคนที่ต้องการเงิน แนะรัฐฉายภาพการใช้งบให้ชัดเจน เพื่อรักษาเสถียรภาพการคลัง ย้ำไม่สนับสนุนแจกเงินผ่าน Digital asset ไม่เหมาะเป็นตัวกลางชำระเงิน ยืนยันไม่ใช่ CBDCแจกเงินดิจิทัล

       นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวภายหลัง หารือร่วมกับนายกรัฐมนตรีสำหรับ นโยบายแจกเงินดิจิทัล ขณะนี้ รูปแบบในการดำเนินนโนบายดังกล่าวยังไม่ชัดเจน  ดังนั้นต้องรอดูความชัดเจนอีกครั้ง แต่ความกังวลของธปท. ที่มีการพูดคุยกันกับนายกรัฐมนตรีคือ ขณะนี้ ภาพรวมเศรษฐกิจไทย ที่ออกมา ภาพไม่ได้สวยนัก โดยเศรษฐกิจขยายตัวเพียง 1.8%ต่ำกว่าที่ธปท.คาดไว้มาก ในไตรมาส 2ที่ผ่านมา

       แต่การเติบโต ที่มาจากการบริโภค ฟื้นตัวค่อนข้างดี ทั้งในไตรมาสแรก และไตรมาสสอง แต่ตัวที่ขาด ไม่ได้มาจากการบริโภค แต่มาจากการลงทุนมากกว่า 
ดังนั้นความจำเป็น เพื่อช่วยฟื้นตัวเศรษฐกิจ การกระตุ้นด้วยภาคอื่นๆอาจสำคัญกว่า การกระตุ้นด้วยการบริโภค 
      นอกจากนี้ นโยบายหรือรูปแบบในการทำ ควรทำแบบเฉพาะเจาะจง เฉพาะกลุ่ม ที่น่าจะประหยัดงบประมาณมากกว่า เพราะไม่ใช่ทุกคนที่ต้องการเงินดิจิทัล 10,000 บาท 

       ทั้งนี้ สิ่งที่สำคัญ คือ ภาพของเสถียรภาพการทำนโนบายต่างๆของภาครัฐ ต้องฉายภาพระบบปานกลางให้ชัดเจน หากทำมาตรการนี้ ภาพรวมรายจ่าย ภาพรวมของหนี้ การขาดดุลงบประมาณจะเป็น
อย่างไร ว่าภาครัฐให้ความสำคัญกับ การสร้างความเชื่อมั่นให้กับวิสัยการเงินการคลังได้ 

       อย่างไรก็ตาม นโยบายแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท หากเป็นดิจิทัลแอสเซ็ท เป็นสิ่งที่ธปท.พูดมาโดยตลอด ว่าไม่สนับสนุน และต้องการให้เป็นตัวกลางในการชำระเงิน แต่หากเป็นรูปแบบของอีมันนี่ ที่เป็นรูปแบบที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ก็ต้องไปดูว่า ทำให้เกิดอุปสงค์กระตุ้นเศรษฐกิจและเกิดผลกระทบทางการคลังหรือไม่

      และขอยืนยันว่า CBDC ไม่สามารถใช้กับนโยบายนี้ เพราะเป็นโปรเจ็กต์การเรียนรู้ ไม่ใช่เป็นโปรเจ็กต์ที่จะนำมาใช้ และยังไม่พร้อมใช้ในวงเงินจำนวนมากได้

       ดังนั้น ภาพรวมผลจะเป็นเรื่องของในฝั่งการกระตุ้น และงบประมาณการคลังที่นำมาใช้ อย่างไรก็ดี ส่วนการดูแลสภาพคล่องในระบบ เมื่อมีเงินดิจิทัลออกมา ก็คงต้องเป็นเรื่องที่ธปท.ต้องดูแลภายใต้เครื่องมือที่อยู่ปกติอยู่แล้ว