เพื่อไทย ถกช่วยลูกหนี้ ‘รหัส 21’ สั่งพักหนี้อุ้ม 5 ล้านราย วงเงิน 4.3 แสนล้าน

เพื่อไทย ถกช่วยลูกหนี้ ‘รหัส 21’ สั่งพักหนี้อุ้ม 5 ล้านราย วงเงิน 4.3 แสนล้าน

เพื่อไทย ถกแบงก์รัฐ แบงก์ชาติสางหนี้เน่า ที่เป็นหนี้เสียจากผลกระทบโควิด-19 หวังช่วยลูกหนี้หลุดพ้นวงจรหนี้​สั่ง “พักหนี้” ช่วยลูกหนี้ รายย่อย-เอสเอ็มอี รหัส 21 จำนวน 5ล้านราย วงเงินสินเชื่อ 4.3 แสนล้านบาท

     ล่าสุด พรรคเพื่อไทย ได้หารือร่วมกับธนาคารเฉพาะกิจของรัฐ(แบงก์รัฐ) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)หารือเกี่ยวกับการช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด จนกลายเป็นหนี้เสียกลุ่มลูกหนี้รหัส 21 ด้วย

       ซึ่งปัจจุบันมีจำนวน 5 ล้านราย วงเงินสินเชื่อ 4.3 แสนล้านบาท 
เพื่อไทย ถกช่วยลูกหนี้ ‘รหัส 21’ สั่งพักหนี้อุ้ม 5 ล้านราย วงเงิน 4.3 แสนล้าน

       แหล่งข่าวจากแบงก์รัฐ กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยได้เรียกแบงก์รัฐรวมถึง ธปท. หารือแนวทางช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 หรือกลุ่ม “รหัส21” ที่เป็นหนี้เสีย ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์โควิดมาจนถึงปัจจุบัน

       ซึ่งเป็นกลุ่มที่ต้องเร่งให้การช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน เนื่องจากกลุ่มนี้ เป็นกลุ่มที่ก่อนหน้าเป็นลูกหนี้ปกติ และไม่มีประวัติผิดนัดชำระหนี้ หรือเป็นหนี้เสีย แต่จากสถานการณ์โควิด ทำให้กลุ่มนี้ได้รับผลกระทบ และไม่สามารถชำระหนี้ได้

ดังนั้นเบื้องต้น พรรคเพื่อไทย มีแนวทางในการช่วยเหลือกลุ่มนี้ โดยอาศัยความร่วมมือจากแบงก์รัฐ แบงก์พาณิชย์ และ ธปท. เพื่อผ่อนปรนการชำระหนี้ และออกมาตรการช่วยเหลือกลุ่มนี้เป็นการเฉพาะ

อุ้มลูกหนี้ 5 ล้านบัญชี 4.3 แสนล้านบาท

      โดยเฉพาะลูกหนี้ในกลุ่มบุคคลธรรมดา และลูกหนี้ เอสเอ็มอี ที่เป็นหนี้เสียจากโควิด-19 โดย สิ้นมิ.ย. 2566 บุคคลธรรมดา ที่อยู่ในกลุ่มรหัส 21 มีทั้งสิ้น 4.9 ล้านบัญชี คิดเป็นสินเชื่อรวมที่ราว 3.7 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นลูกหนี้ราว 3.4 ล้านคน

      โดยกลุ่มลูกหนี้บุคคลธรรมดา ในกลุ่มนี้ พบว่า เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หากเทียบไตรมาสแรกที่ผ่านมา ที่เป็นหนี้เสียเพียง 4.4 ล้านบัญชี วงเงินสินเชื่อ 3.1 แสนล้านบาท และมีจำนวนคน 3.1 ล้านคน

      สะท้อนความสามารถชำระหนี้รายย่อย และเอสเอ็มอี ที่ยังไม่ปรับตัวดีขึ้นจากผลกระทบโควิด-19

       นอกจากนี้ หากดูกลุ่มลูกหนี้เอสเอ็มอี ที่อยู่ในกลุ่มรหัส 21 เป็นหนี้เสียอยู่ทั้งสิ้น 23,086 บัญชี คิดเป็นวงเงินสินเชื่อ 6.1หมื่นล้านบาท หรือจำนวนเอสเอ็มอีที่ 12,898 เอสเอ็มอี

     ซึ่งหากรวมทั้งสองกลุ่ม พบว่า มีจำนวนลูกหนี้ รหัส 21 ที่ต้องได้รับการช่วยเหลือทั้งสิ้นเกือบ 5 ล้านบัญชี คิดเป็นวงเงินสินเชื่อที่ รวม 4.31 แสนล้านบาท

ชงพักหนี้ช่วย ‘รายย่อย-เอสเอ็มอี’

      ทั้งนี้ แนวทางการช่วยเหลือลูกหนี้กลุ่มรหัส 21 เบื้องต้น จะเป็นมาตรการ “พักหนี้” หรือบางกลุ่ม อาจผ่อนชำระหนี้ในอัตราต่ำ เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ที่ยังไม่ฟื้นตัว ให้มีสภาพคล่องเพียงพอในการดำเนินชีวิตและธุรกิจ ในช่วงที่รายได้และธุรกิจยังไม่กลับมาเป็นปกติ

       อย่างไรก็ตาม ในการหารือดังกล่าว จะมีการเสนอให้หยุดส่งข้อมูลลูกหนี้กลุ่มรหัส 21 (ปิดนิยามรหัสลูกหนี้ 21) ตั้งแต่ม.ค. 2567 เพื่อให้การช่วยเหลือลูกหนี้ มีความชัดเจน ตรงกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น และป้องกันลูกหนี้ ที่จงใจผิดนัดชำระหนี้และจงใจเป็นหนี้เสีย เพื่อขอเข้าสู่มาตรการช่วยเหลือครั้งนี้

       “เบื้องต้น ต้องประกาศ หยุดรหัส 21 นี้ ทันทีเมื่อสิ้นปี 66 เพื่อให้ได้กลุ่มลูกหนี้ที่ชัดเจน ในการเข้าไปช่วยเหลือ แปลว่าหากเป็นหนี้ ม.ค. 67 เป็นต้นไป ลูกหนี้เหล่านี้จะเป็นหนี้เสียตามรหัสปกติคือ​ 20 ไม่งั้นก็จะมีลูกหนี้ใหม่ๆ ที่จงใจเบี้ยวหนี้ หรือลูกหนี้ผี เพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ ดังนั้นต้องทำเรื่องนี้ให้ชัดเจน เพื่อแยกแยะกลุ่มที่ต้องช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน”