BBLไตรมาส2/66 กำไรพุ่ง 62% แตะ1.12 หมื่นล้าน เหตุรายได้ดอกเบี้ยสุทธิโต
แบงก์กรุงเทพ เปิดกำไร ครึ่งปีแรก 2.1 หมื่นล้าน โต 52% จากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น 36% สอดคล้อง
ภาวะอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น
ธนาคารกรุงเทพ แจ้งผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกของธนาคาร อยู่ที่ 21,423 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 52.2% จากงวดแรกปี 2565
โดยส่วนใหญ่มาจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น 36% สอดคล้องกับภาวะอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น จากอัตราผลตอบแทนของสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้เพิ่มขึ้น สุทธิกับการเพิ่มขึ้นของต้นทุนเงินรับฝาก และการปรับอัตราเงินนำส่งกองทุนเพื่อการฟื้นฟู และพัฒนาระบบสถาบันการเงินเข้าสู่ระดับเดิมตั้งแต่ต้นปี 2566
ส่งผลให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 2.88 รายได้ค่าธรรมเนียม และบริการสุทธิอยู่ในระดับใกล้เคียงกับงวดเดียวกันของปีก่อน
สำหรับค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นร้อยละ 18.3 ตามกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้น และส่วนหนึ่งจากค่าใช้จ่ายเพื่อการพัฒนา และปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน
ขณะที่อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้จากการดำเนินงานอยู่ในระดับที่ลดลงเป็นร้อยละ 47.1 ทั้งนี้ จากการที่ธนาคารมีการตั้งสำรองด้วยความระมัดระวังอย่างต่อเนื่อง จึงมีการตั้งสำรองในไตรมาส 2 ปี 2566 อยู่ในระดับใกล้เคียงกับไตรมาสก่อน ทำให้สำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในงวดแรกปี 2566 มีจำนวน 17,354 ล้านบาท
ธนาคารกรุงเทพยังคงดำเนินธุรกิจด้วยความระมัดระวังและรอบคอบ พร้อมทั้งรักษาเสถียรภาพฐานะการเงิน สภาพคล่อง และเงินกองทุนให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม เพื่อการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน
ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2566 ธนาคารมีเงินให้สินเชื่อจำนวน 2,698,304 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.6 จากสิ้นปีก่อน
ส่วนใหญ่จากสินเชื่อลูกค้าธุรกิจรายใหญ่ และสินเชื่อลูกค้ากิจการต่างประเทศสำหรับอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิตต่อเงินให้สินเชื่อรวมยังคงอยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้อยู่ที่ร้อยละ 2.9
ทั้งนี้ จากการที่ธนาคารยึดหลักการตั้งสำรองด้วยความระมัดระวัง และรอบคอบอย่างต่อเนื่อง ทำให้อัตราส่วนค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตต่อเงินให้สินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิตอยู่ในระดับแข็งแกร่งที่ร้อยละ 287.1
ธนาคารมีเงินรับฝาก ณ สิ้นเดือนมิถุนายน2566 จำนวน 3,200,155 ล้านบาท อยู่ในระดับใกล้เคียงกับสิ้นปีก่อน และมีอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อเงินรับฝากอยู่ที่ร้อยละ 84.3
ขณะที่อัตราส่วนเงินกองทุนทั้งสิ้น อัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 และอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของต่อสินทรัพย์เสี่ยงของธนาคาร และบริษัทย่อยอยู่ที่ร้อยละ 19.1 ร้อยละ 15.7 และร้อยละ 14.9 ตามลำดับ ซึ่งอยู่ในระดับที่สูงกว่าอัตราส่วนเงินกองทุนขั้นต่ำตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด
นางอรนุช นำพูลสุขสันติ์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)หรือ BBL เปิดเผยว่า ไตรมาส2 ปี 2566 ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของธนาคาร 11,294ล้านบาท เพิ่มขึ้น 62.2% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 6,961 ล้านบาท และเพิ่มขึ้น 11.5% เมื่อเทียบกับไตรมาส1 ปี 2566
เนื่องจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น 33.8% เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ซึ่งสอดคล้องกับการปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ย และธนาคารมีรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 2.7% จากกำไรสุทธิจากเครื่องมือทางการเงินที่ได้วัดด้วยมูลค่ายุติธรรมผ่านกำไรหรือขาดทุน (FVTPL) ซึ่งเป็นไปตามสภาวะตลาด
สำหรับค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นเป็นผลจากค่าใช้จ่ายเพื่อการพัฒนาและปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานและค่าใช้จ่ายตามฤดูกาล โดยธนาคารรมีการต้ังผลขาดทุนด้านครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น 8,880 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.3% เมื่อเทียบกับ ช่วงเดียวกันปีก่อน ที่ 8,354 ล้านบาท โดยธนาคารยังคงยึดหลักความระมัดระวังในการตั้งสำรอง
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์