บลจ.เอ็กซ์สปริง คงเป้า AUM ปีนี้แตะ 1.5 หมื่นล้าน ยังมองบวกหุ้นไทยกลาง-เล็ก

บลจ.เอ็กซ์สปริง คงเป้า AUM ปีนี้แตะ 1.5 หมื่นล้าน  ยังมองบวกหุ้นไทยกลาง-เล็ก

บลจ.เอ็กซ์สปริง คงเป้าหมายเพิ่ม AUM ปีนี้แตะ 15,000 ล้านบาท โต 10% จากปีก่อน พร้อมประเมินหุ้นไทยดัชนีปีนี้มีโอกาสถึง 1,700 จุดได้ จากกลุ่มท่องเที่ยว และหุ้นพลังงานดาวน์ไซด์จำกัด แนะะป็นโอกาสเก็บกองทุนหุ้นไทยขนาดกลาง-เล็ก 20% ของพอร์ต และมองหุ้นจีน-เวียดนาม ยังน่าสนใจ

นายยศกร ฟอลเล็ต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.เอ็กซ์สปริง  ( XSpring AM ) เปิดเผยว่า ในปี 2566 บริษัทยังคงตั้งเป้าหมายสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM) เติบโตมากกว่า 10% หรือเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ระดับ 12,000 – 15,000 ล้านบาท จากสิ้นปี 2565 ที่มีอยู่ 9,300 ล้านบาท

เนื่องจากยังคงเดินตามแผนการออกกองทุนใหม่ 2-3 กองทุนภายในครึ่งปีแรก แม้ว่าในระยะนี้ดัชนีตลาดหุ้นไทยจะปรับตัวลดลงหลังเลือกตั้ง นำโดยหุ้นกลุ่มทุนขนาดใหญ่ เช่น หุ้นโรงไฟฟ้า และหุ้นสื่อสาร เป็นต้น 

 

อย่างไรก็ตาม หากมองภาพรวมหุ้นไทยถือว่าปรับลดลงมาค่อนข้างมากแล้ว และประเมินว่ามีโอกาสปรับลดลงได้อีกไม่ถึง 10% ดังนั้น จึงเป็นโอกาสที่ XSpring AM จะออกกองทุนใหม่ตามแผนที่วางไว้

ทั้งนี้ มองว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยปีนี้จะยังสามารถไปสู่ระดับ 1,700 จุดได้ โดยหุ้นกลุ่มที่จะมาขับเคลื่อนตลาดได้แก่ หุ้นกลุ่มท่องเที่ยว และภาคบริการที่ฟื้นตัวอย่างโดดเด่น อีกทั้งเป็นกลุ่มที่ไม่เกี่ยวข้องกับกลุ่มทุนขนาดใหญ่

ขณะนี้ภาคการท่องเที่ยวของไทยขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ต้นปีถึงวันที่ 15 พ.ค. 2566 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยทุกช่องทางรวมแล้ว 9.47 ล้านคน สร้างรายได้จากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวแล้วกว่า 3.91 แสนล้านบาท ซึ่งกลุ่มนักท่องเที่ยวหลักยังคงมาจากประเทศในเอเชียตะวันออก เอเชียใต้ และอาเซียน นอกจากนี้ บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด (บวท.) ยังระบุว่าตั้งแต่ ต.ค. 2565 - เม.ย. 2566 มีเที่ยวบินจากจีนเข้ามาไทยแล้ว 12,805 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 98% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ซึ่งมาจากที่จีนมีนโยบายให้บริษัททัวร์นำนักท่องเที่ยวแบบกรุ๊ปทัวร์ออกนอกประทศได้ตั้งแต่ 6 ก.พ. 2566
 
“มองว่านักลงทุนควรใช้โอกาสนี้ทยอยสะสมการลงทุนในกองทุนหุ้นไทยขนาดกลางเล็กที่ทำผลตอบแทนส่วนเพิ่มจากดัชนีในระยะยาวได้ดี นักลงทุนสามารถจัดสรรเงินลงทุนอย่างน้อย 20% ของส่วนที่สามารถลงทุนในหุ้นมาลงทุนในกองทุนหุ้นไทยขนาดกลางเล็กได้ นอกจากนั้นอาจพิจารณาลงทุนหุ้นในภูมิภาคที่การประเมินมูลค่ามีความน่าสนใจเพื่อโอกาสรับผลตอบแทนในระยะยาวที่ดี และใช้วิธีการแบ่งสะสมการลงทุนออกเป็นหลายๆ ครั้ง เช่น เพิ่มการลงทุนในกองทุนหุ้นจีนและหุ้นเวียดนาม อย่างน้อย ประเภทละ 20% ของสัดส่วนกองทุนหุ้นที่นักลงทุนสามารถลงทุนได้ และนอกนั้นอาจพิจารณาลงทุนกองทุนหุ้นทั่วโลกที่ทำผลตอบแทนคาดหวังได้สม่ำเสมอในระยะยาว เป็นต้น” 

อย่างไรก็ดี สำหรับหุ้นพลังงานนั้นมองว่า โอกาสปรับลดลงก็น้อยมากแล้วเช่นกัน อ้างอิงข้อมูลจาก EIA สำนักงานข้อมูลด้านการพลังงาน ประจำเดือนพฤษภาคม 2566 ระบุว่าแนวโน้มความต้องการใช้น้ำมันทั่วโลกในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2566 มีโอกาสสูงกว่าปริมาณของการผลิตน้ำมันในตลาดโลก เพราะฉะนั้นหากไม่มีเหตุพลิกล็อกรุนแรงทางเศรษฐกิจจนทำให้เกิดเศรษฐกิจถดถอยรุนแรงทั้งโลก มองว่าค่อนข้างยากที่ราคาน้ำมันจะลงอย่างรุนแรงจากจุดนี้ จึงทำให้ดาวน์ไซด์ของหุ้นพลังงานค่อนข้างจำกัด