เงินบาท ‘แข็งค่าสุด‘ รอบ 4 ปีครึ่ง ที่ 31.55 บาท รับเฟดลดดบ.-ทองพุ่ง

เงินบาท แข็งค่าสุดในรอบเกือบ 4 ปีครึ่ง แตะระดับ 31.55 บาทต่อดอลลาร์ ปัจจัยหลักมาจากการคาดการณ์เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปีหน้า ทำให้เกิดแรงเทขายเงินดอลลาร์
KEY
POINTS
- เงินบาทแข็งค่าสุดในรอบเกือบ 4 ปีครึ่ง แตะระดับ 31.55 บาทต่อดอลลาร์
- ปัจจัยหลักมาจากการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปีหน้า ทำให้เกิดแรงเทขายเงินดอลลาร์
- การปรับตัวขึ้นของราคาทองคำในตลาดโลกเป็นอีกปัจจัยบวกที่ช่วยหนุนให้เงินบาทแข็งค่าขึ้น
เงินบาทวันนี้ (12 ธ.ค.2568) แตะระดับแข็งค่าสุดในรอบเกือบ 4 ปีครึ่งที่ 31.55 บาทต่อดอลลาร์ (นับตั้งแต่ 22 มิ.ย. 2564) เทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 31.76 บาทต่อดอลลาร์
นางสาวกาญจนา โชคไพศาลศิลป์ ผู้บริหารทีมวิจัย ศูนย์วิจัยธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า เงินบาทยังคงแข็งค่าขึ้นสอดคล้องกับหลายสกุลเงินในเอเชียท่ามกลางแรงขายเงินดอลลาร์ฯ จากการที่ตลาดปรับตัวรับแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯ ในปีหน้า ประกอบกับเงินบาทน่าจะมีปัจจัยบวกเพิ่มเติมจากการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำในตลาดโลก
สำหรับทิศทางฟันด์โฟลว์ในวันนี้ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทย 1,279 ล้านบาท และมีสถานะอยู่ในฝั่ง Net Outflows ออกจากตลาดพันธบัตรไทย 12,561 ล้านบาท
สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในสัปดาห์หน้า (15-19 ธ.ค.2568) ประเมินเบื้องต้นไว้ที่ 31.40-32.00 บาทต่อดอลลาร์
ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ผลการประชุมกนง. (17 ธ.ค.) ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด ทิศทางฟันด์โฟลว์ของต่างชาติ ทิศทางค่าเงินเอเชียและราคาทองคำในตลาดโลก ปัจจัยการเมืองในประเทศ รวมถึงสถานการณ์ระหว่างไทย-กัมพูชา ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ยอดค้าปลีกเดือนต.ค. ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร อัตราการว่างงาน ดัชนีราคาผู้บริโภค ยอดขายบ้านมือสองเดือนพ.ย. ดัชนี PMI และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้นสำหรับเดือนธ.ค. รวมถึงตัวเลขการจ้างงานของภาคเอกชนและจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ นอกจากนี้ ตลาดยังรอติดตามผลการประชุม BOE (18 ธ.ค.), ECB (18 ธค), และ BOJ (18-19 ธ.ค.) ตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนพ.ย. ของยูโรโซน และข้อมูลเศรษฐกิจเดือนพ.ย. ของจีน อาทิ การผลิตภาคอุตสาหกรรม ยอดค้าปลีก การลงทุนในสินทรัพย์ถาวรและอัตราการว่างงาน







