ถอดรหัสถ้อยแถลง‘พาวเวล’ ประตู‘ดอกเบี้ยขาขึ้น’ยังไม่ปิด

ถอดรหัสถ้อยแถลง‘พาวเวล’  ประตู‘ดอกเบี้ยขาขึ้น’ยังไม่ปิด

ตลาดคาดการณ์ดอกเบี้ยเฟดยังไม่จบรอบขาขึ้น หลัง “พาวเวล” ระบุชัดยังต้องคุมเข้มนโยบายการเงินหากจำเป็น เชื่ออาจเห็นการขึ้นดอกเบี้ยอีกหนึ่งครั้งในการประชุมเดือนมิ.ย. ด้าน

    การประชุมของ คณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (Federal Open Market Committee : FOMC) ล่าสุด เฟดมีมติขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25%

       ซึ่งถือเป็นการขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่องของเฟด ทำอัตราดอกเบี้ยปัจจุบันขึ้นไปอยู่ที่ 5-5.25%

    โดย ความเห็นของ นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ค่อนไปในทางสนับสนุนการคุมเข้มนโยบายการเงิน ซึ่งทำให้ตลาดคาดการณ์เพิ่มขึ้นว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกในเดือนมิ.ย.นี้

       โดยหลังจากการแถลงข่าว ราคาหุ้นสหรัฐปรับตัวผันผวน โดยดัชนีดาวโจนส์, S&P500 และ Nasdaq ปรับตัวลงหลังนายพาวเวลเสร็จสิ้นการแถลงข่าว

        นายพาวเวลระบุว่า เงินเฟ้อยังคงอยู่สูงกว่าระดับเป้าหมายอย่างมาก และการคุมเข้มนโยบายการเงินจะต้องใช้เวลากว่าจะส่งผลกระทบอย่างเต็มที่ และเมื่อพิจารณาจากมุมมองของเฟดที่ว่า เงินเฟ้อจะต้องใช้เวลาอีกระยะกว่าจะปรับลดลงนั้น การปรับลดอัตราดอกเบี้ยจึงยังไม่เหมาะสม

     นายพาวเวล บ่งชี้ว่า ในการประชุมนโยบายการเงินครั้งนี้ กรรมการเฟดบางรายพูดถึงการยุติการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แต่เฟดก็ยังไม่ได้ตัดสินใจเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในการประชุมครั้งนี้

      แถลงการณ์ของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (เอฟโอเอ็มซี) ระบุว่า คณะกรรมการฯ จะจับตาข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดอย่างใกล้ชิด และจะประเมินผลกระทบที่มีต่อนโยบายการเงิน โดยคณะกรรมการฯ ได้ตัดข้อความที่เคยระบุไว้ในแถลงการณ์ก่อนหน้านี้ว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะยังคงดำเนินต่อไป

         นายพาวเวล กล่าวต่อว่า  นับจากนี้ คณะกรรมการฯ จะพิจารณากำหนดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมทุกครั้งโดยขึ้นอยู่กับสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น

       อาทิ วิกฤตธนาคาร, เงินเฟ้อที่ระดับสูง และปัญหาเพดานหนี้ และวิกฤตธนาคารที่ตลาดมีความวิตกอย่างมากนั้น  ประธานเฟดกล่าวว่า สถานการณ์ของภาคธนาคารได้ปรับตัวดีขึ้นโดยรวม

        แต่ยังคงไม่มีความแน่นอนเกี่ยวกับขอบเขตของผลกระทบ ระบบธนาคารสหรัฐมีความแข็งแกร่งและยืดหยุ่น และการที่เจพีมอร์แกน เชสเข้าซื้อกิจการของเฟิร์สท์ รีพับลิก แบงก์นั้น เป็นเรื่องที่ดี แต่ผมไม่ต้องการให้ธนาคารขนาดใหญ่ทำการซื้อกิจการขนาดใหญ่ และจำเป็นต้องมีการกำกับดูแลธนาคารขนาดใหญ่มากขึ้น

        ส่วนประเด็นความเสี่ยงด้านเพดานหนี้  นายพาวเวลบ่งชี้ว่า หากไม่มีการบรรลุข้อตกลงเรื่องเพดานหนี้ ผลกระทบทางเศรษฐกิจจะมีความไม่แน่นอนในระดับสูง และการตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ยครั้งนี้ไม่ได้พิจารณาถึงความไม่แน่นอนเกี่ยวกับเพดานหนี้ เขาเชื่อว่า เศรษฐกิจสหรัฐแทบไม่มีแนวโน้มที่จะเข้าสู่ภาวะถดถอย และหากเข้าสู่ภาวะดังกล่าว ก็จะเป็นการถดถอยที่ไม่รุนแรง

       ด้านตลาดแรงงาน  ตลาดแรงงานสหรัฐในปัจจุบันยังคงตึงตัวอย่างมาก อย่างไรก็ตาม มีสัญญาณบ่งชี้ว่าอุปสงค์และอุปทานในตลาดแรงงานกำลังกลับสู่สมดุลที่ดีขึ้น และเขาเน้นย้ำว่าการเติบโตของค่าจ้างได้แสดงสัญญาณชะลอตัว

      นายเจฟฟรีย์ กุนด์ลาช ผู้ก่อตั้งบริษัทดับเบิลไลน์ แคปิตอลซึ่งเป็นบริษัทด้านการลงทุนของสหรัฐแสดงความเห็นว่า การตัดสินใจของเฟดไม่ได้เป็นการให้คำมั่นว่าจะระงับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และมีแนวโน้มที่จะตรึงดอกเบี้ยไว้ใกล้ระดับนี้

    โดยมีความเป็นไปได้สูงที่เศรษฐกิจจะถดถอย ดังนั้นนายกุนด์ลาชจึงคาดว่า เฟดจะไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก

      ทั้งนี้  เอฟโอเอ็มซี มีมติเอกฉันท์ในการประชุมเมื่อวันพุธ (3 พ.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย0.25% สู่ระดับ 5.00-5.25% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือน ส.ค. 2550

     การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งนึ้ซึ่งนับเป็นครั้งที่ 10 ตั้งแต่เดือน มี.ค. ปีที่แล้ว มีขึ้นหลังจากเอฟโอเอ็มซีมีมติเป็นเอกฉันท์ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 4.75-5.00% ในการประชุมเมื่อเดือน มี.ค. 2566

      การปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟดที่ 0.25% ถือว่าสอดคล้องกับการคาดการณ์ของตลาดขณะที่บรรดานักวิเคราะห์และเทรดเดอร์ในวอลล์สตรีทต่างจับตาใกล้ชิดมากขึ้นว่า หลังจากนี้ เฟดจะดำเนินการด้านดอกเบี้ยอย่างไรต่อไป ท่ามกลางกระแสความกังวลเกี่ยวกับการเติบโตทางเศรษฐกิจและภาวะวิกฤติธนาคารของสหรัฐที่ยังคงอยู่