BTS ชี้ ดีมานด์ ‘หุ้นกู้ยั่งยืน’ทะลัก เฉียด2หมื่นล้าน

BTS ชี้ ดีมานด์ ‘หุ้นกู้ยั่งยืน’ทะลัก เฉียด2หมื่นล้าน

บีทีเอส” เผยดีมานด์เบื้องต้นล้นกว่า 2 หมื่นล้าน จากวงเงินขาย 1.3 หมื่นล้าน เล็งควักกรีนชูออกขายเพิ่มอีก 7 พันล้าน นำเงินใช้ลงทุนด้านความยั่งยืน

      นายสุรยุทธ ทวีกุลวัฒน์ ผู้อำนวยการใหญ่ สายการเงิน บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS กล่าวว่า ปัจจุบันมีนักลงทุนให้ความสนใจจองซื้อหุ้นกู้ของบริษัทค่อนข้างมาก

      เบื้องต้นพบว่ามีความต้องการซื้อเกือบ 20,000 ล้านบาท จากเป้าหมายการระดมทุนที่ 13,000 ล้านบาท 

        โดยหุ้นกู้ SLB ที่ทำการเสนอขายในครั้งนี้แบ่งออกเป็น 4 รุ่น กำหนดจ่ายดอกเบี้ยทุก 6 เดือน และจะเสนอขายระหว่างวันที่ 25 และ 28-29 พฤศจิกายนนี้ ผ่านสถาบันการเงินชั้นนำ 5 แห่ง

     ประกอบด้วย ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ และ ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย โดยหุ้นกู้ดังกล่าวได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ     ที่ระดับ “A” จากทริสเรทติ้ง และกำหนดมูลค่าจองซื้อขั้นต่ำ 100,000 บาท และทวีคูณครั้งละ 100,000 บาท

​      “การออกหุ้นกู้ SLB ของบริษัทฯ ครั้งนี้สอดรับกับกลยุทธ์ระยะยาวด้านการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ (Climate Strategy) ของบีทีเอส กรุ๊ปฯ โดยการคงสถานะความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutral)      และกำหนดให้เพิ่มสัดส่วนการใช้ไฟฟ้าที่มาจากแหล่งพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy) อย่างน้อย 10%             ของการดำเนินงาน” นายสุรยุทธ กล่าว

     นางสาวอริยา  ติรณะประกิจ รองกรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย กล่าวว่า ภาพรวมตลาดESG Bond ได้แก่ Green bond, Social bond, Sustainability bond และ Sustainability-Linked Bondในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2565 มีมูลค่าการออกรวมทั้งสิ้น 158,140 ล้านบาท 

      แบ่งเป็นการออกโดยภาครัฐบาล 105,000 ล้านบาท       หรือ 66% และภาคเอกชน 53,140 ล้านบาท หรือ 34% ส่งผลให้ ESG Bond มีมูลค่าคงค้างอยู่ที่ 449,636 ล้านบาท   เติบโตเพิ่มขึ้น 50% จากสิ้นปี 2564 ที่มีมูลค่า 299,296 ล้านบาท  

​      โดยแนวโน้มการเสนอขาย ESG Bond เติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผ่านการดำเนินนโยบายของรัฐบาล             และกลยุทธ์ของการระดมทุนของทุกบริษัท โดยครึ่งปีแรกปี 2565 กลุ่มที่มีสัดส่วนการถือครอง ESG Bond มากที่สุด        อันดับ 1 คือ กลุ่มบริษัทประกัน25.56% อันดับ 2 คือ กลุ่มธนาคาร 20.16% อันดับ 3คือ กองทุน กบข. 18.84%                และอันดับ 4 กลุ่มนักลงทุนต่างชาติ 17.89%

      ส่วนการจัดเสวนาในครั้งนี้ ก็เป็นหนึ่งในแนวทางการผลักดัน ESG Bond ให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น และยังทำให้
นักลงทุนเข้าถึงข้อมูลด้าน ESG ของตราสารได้สะดวกขึ้น และทำให้ผู้ออกตราสารระดมทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ