จับตาเลือกตั้งกลางเทอมสหรัฐ (8 พฤศจิกายน 2565)

จับตาเลือกตั้งกลางเทอมสหรัฐ (8 พฤศจิกายน 2565)

วันจันทร์ที่ผ่านมา ดัชนีปรับตัวขึ้นราว +8 จุดในภาคเช้า ก่อนที่จะมีแรงกดดันให้ดัชนีปรับตัวลงในแดนลบเล็กน้อย มีแรงซื้อหุ้นในกลุ่มปิโตรเคมี ส่วนหุ้นกลุ่มค้าปลีกเผชิญแรงขาย นักลงทุนจับตาการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐในวันอังคารที่ 8 พ.ย.

ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,623.57 จุด -2.75 จุด -0.17% มูลค่าการซื้อขาย 67,391 ลบ. ต่างชาติ +2,365.80 ลบ. TFEX +10,339 สัญญา ตราสารหนี้ +32,108.60 ลบ.

 

ปัจจัยบวก

+ ดัชนีดาวโจนส์ปิด เพิ่มขึ้น 423.78 จุด +1.31% นักลงทุนจับตาการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐที่จะมีขึ้นในวันนี้ ซึ่งจะชี้ชะตาทิศทางการเมืองสหรัฐในช่วง 2 ปีข้างหน้า ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปี 2567
+ สถาบันวิจัย Sentix ของเยอรมนี เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของนักลงทุนในยูโรโซนปรับตัวขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 3 เดือน โดยปรับตัวขึ้นสู่ระดับ -30.9 ในเดือนพ.ย. จากระดับ -38.3 ในเดือนต.ค. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ -35.0
+ เฟดสาขาแอตแลนตาเปิดเผยว่า แบบจำลองคาดการณ์ GDPNow ล่าสุดแสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 3.6% ในไตรมาส 4 โดยสูงกว่าระดับ 2.6% ที่มีการเปิดเผยก่อนหน้านี้
+ หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลรายงานว่า ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาวประชุมลับกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัสเซีย โดยคาดหวังว่าจะลดความเสี่ยงที่สงครามยูเครนจะลุกลาม หรือทวีความรุนแรงจนนำไปสู่สงครามนิวเคลียร์
+ สนค. เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (เงินเฟ้อทั่วไป) เดือน ต.ค.65 เพิ่มขึ้น 0.33%MoM เพิ่มขึ้น 5.98%YoY แต่ลดลงจากเดือนก.ย.65 ที่สูงขึ้นถึง 6.41%YoY เป็นการชะลอตัวลง 2 เดือนติดต่อกัน

 

ปัจจัยลบ

- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 82 เซนต์ หรือ 0.9% ปิดที่ 91.79 ดอลลาร์/บาร์เรล ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนในการเปิดประเทศของจีนซึ่งเป็นผู้นำเข้าน้ำมันดิบรายใหญ่ที่สุดของโลก
- จีนกำลังเผชิญกับภาวะเงินฝืดเพิ่มขึ้น เนื่องจากการแพร่ระบาดและการควบคุมของโรคโควิด-19 ทำให้ อุปสงค์ลดลง และราคาสินค้าโภคภัณฑ์บางรายการที่ลดลงส่งผลกดดันบริษัทต่าง ๆ ให้ต้องปรับลดราคา
 

- ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายวันของจีนพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 6 เดือน เนื่องจากมีการแพร่ระบาดทั่วประเทศ โดยเจ้าหน้าที่สาธารณสุขประกาศว่าจีนจะควบคุมโรคระบาดอย่างเข้มงวด
- นักเศรษฐศาสตร์ของโกลด์แมน แซคส์ ระบุว่า ต้องรออีกหลายเดือนกว่าที่จีนจะเปิดเมืองอย่างแท้จริง เนื่องจากอัตราการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ในกลุ่มคนสูงอายุนั้นยังคงอยู่ในระดับต่ำ และอัตราการเสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ของผู้ที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนก็อยู่ในระดับสูง

 

แนวโน้มตลาดวันนี้

คาดดัชนีในวันนี้ปรับตัวในกรอบ Sideway โดยนักลงทุนจับตาการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐที่จะมีขึ้นในวันนี้ ประกอบกับรอดูดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนต.ค. ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่จะรายงานในวันพฤหัสนี้ กรอบดัชนีในวันนี้ที่ 1,615-1,630 จุด

 

กลยุทธ์การลงทุน  

• หุ้นซ่อมแซมหลังน้ำท่วม : GLOBAL DOHOME HMPRO TOA DPAINT COTTO DCC TASCO
• หุ้นเด่น IAA : ADVANC AOT BBL KBANK
• ลุ้น ครม. คนละครึ่งเฟส 6 และ เราเที่ยวด้วยกัน : TNP KK ERW CENTEL VRANDA ASAP SPA AAV BA AOT
• ตัวเลขส่งออกเดือน ก.ย. ขยายตัว : TU GFPT TFG ASIAN
• ลุ้นมาตรการอุดหนุน EV เข้า ครม. เดือน พ.ย. นี้ : EA NEX BYD GPSC

 

 

 

 

หุ้นรายงานพิเศษ  

SISB - คาด 3Q65 เติบโตต่อเนื่อง
                                                            (แนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสม 20.85 บาท )

•คาดผลประกอบการ 3Q65 เติบโตต่อเนื่องสู่ 95-99 ลบ. +25%QoQ และ +141%YoY โดยได้รับแรงหนุนจากจำนวนนักเรียนที่เพิ่มขึ้นสู่ 3,090 คนเพิ่มขึ้นจากปลาย 2Q65 ที่ 2,731 คน จากนักเรียนจีนและต่างชาติเพิ่มขึ้นสู่ 600 คนหลังจีนลดความสำคัญภาษาในโรงเรียนลงและนโยบาย Zero Covid ทำให้นักเรียนจีนเข้ามาเรียนเพิ่มขึ้น นอกจากนี้คาดว่าจะมีการกลับรายการหนี้สงสัยจะสูญราว 9-10 ลบ. เข้ามาหนุนผลประกอบการเพิ่มเติม

•คาดผลประกอบการ 4Q65 เติบโตต่อเนื่องจากการรับรู้รายได้จากนักเรียน 3,090 คนเต็มไตรมาส อีกทั้งเริ่มเกิด Economy of Scales เนื่องจากจำนวนนักเรียนเพิ่มขึ้นเร็วกว่าบุคคลากร และค่าเสื่อมราคาโรงเรียนเป็นค่าใช้จ่ายคงที่

ความเห็น เรามีมุมมองบวกต่อ SISB เนื่องจากผลประกอบการจะกลับมาเติบโตตั้งแต่ 3Q65 เป็นต้นไปเนื่องจาก COVID กลายเป็นโรคประจำถิ่นทำให้นักเรียนกลับมาเรียนในโรงเรียน 100% อีกทั้งได้แรงหนุนจากการเปิดโรงเรียนใน 3Q66 อีก 2 แห่ง ที่นนทบุรีและระยอง ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนการเติบโตเพิ่มเติม เราจึงแนะนำ “ซื้อ”

 

หุ้นมีข่าว

(+) ERW ( Bloomberg Consensus 4.65 บาท) แย้มยอดเข้าพักแตะ 80-90% รับไฮซีซัน ไตรมาส 4/2565 ต่อเนื่องไตรมาส 1/2566 มองนักท่องเที่ยวต่างประเทศจะเดินทางเข้ามาได้ราว 10 ล้านคน พร้อมอัดโปรโมชันหนุน เดินหน้าเปิดโรงแรมใหม่ต่อเนื่อง มั่นใจผลงานทั้งปีฟื้นตามเป้าที่ตั้งไว้โต 60-65% (ที่มา ทันหุ้น)

(+) ADVANC ( Bloomberg Consensus 236.00 บาท) ฉายภาพธุรกิจในไตรมาส 4/2565 เด่น หลังเข้าไฮซีซันธุรกิจ ยิ้มเปิดประเทศหนุนกิจกรรมทางเศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัว นักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มยอดผู้ใช้บริการ Prepaid รับแผนการขยายฐานการใช้บริการ AIS 5G คาดสิ้นปีแตะ 7 ล้านราย มากกว่าเป้าหมายที่วางไว้ คงเป้ารายได้รวมปี 2565 โต 1-3% พร้อมวางงบปี 2566 ที่ 3 หมื่นล้านบาท ขยายฐาน (ที่มา ทันหุ้น)

(+) HL (Bloomberg consensus 29.00 บาท) ธุรกิจร้านขายยาค้าปลีกในรูปแบบ Chain Drug Store เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ "สเปรย์พ่นจมูก เบซูโตะ เคลียร์" ยับยั้งเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ อาร์เอสวี รวมถึงโควิด-19 ได้มากกว่า 99.9% ฟากผู้บริหารตั้งเป้ากวาดยอดขายปีแรก 100 ล้านบาท หนุนรายได้รวมปีนี้เติบโตมากกว่า 20% (ที่มา ทันหุ้น)

(+) GULF-INTUCH-THCOM (Bloomberg consensus 62.00 / 81.78 / 9.22 บาท) บอร์ด GULF ไฟเขียวให้บริษัท/หรือบริษัทกัลฟ์ เวนเชอร์ส จากัด ทุ่มเงิน 10,873.33 ล้านบาทซื้อหุ้นสามัญ “บมจ.ไทยคม”(THCOM) จาก บมจ.อินทัช โฮลดิ้งส์ (INTUCH) ร้อยละ 41.13 ที่ราคาหุ้นละ 9.92บาท คิดเป็นมูลค่าประมาณ 4,472.64 ล้านบาท คาดว่าจะลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้นกับ INTUCH ทันทีหลังได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการบริษัท พร้อมทั้งเตรียมทำเทนเดอร์ ออฟเฟอร์ ซื้อหุ้น THCOM ที่เหลือทั้งหมดร้อยละ 58.87 คิดเป็นมูลค่า 6,400.69 ล้านบาท (ที่มา mgronline.com)