วัดใจ กนง.เสียงแตก ขึ้นดอกเบี้ย 0.50% พยุงค่าเงินบาท

วัดใจ กนง.เสียงแตก ขึ้นดอกเบี้ย 0.50% พยุงค่าเงินบาท

นักเศรษฐศาสตร์ คาด กนง.เสียงแตก “อมรเทพ “ซีไอเอ็มบี” คาดขึ้น 0.50% “พิพัฒน์” KKP หวัง ธปท.ใช้นโยบายเชิงรุก ลดความเสี่ยงกดดันค่าเงินบาท

       นายอมรเทพ จาวะลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสำนักวิจัยธนาคาร ซีไอเอ็มบีไทย กล่าวว่า เชื่อว่าการประชุมวันนี้เสียงแตก 4 ต่อ 3 เสียง โดย 4 เสียงขึ้นดอกเบี้ยที่ 0.50%

     โดยเฉพาะเสียงที่มาจากคนนอก ส่วนคน ธปท.คงยังขึ้นดอกเบี้ยที่ 0.25% เพราะการที่ไทยขึ้นน้อย และขึ้นช้ากว่าประเทศอื่นๆ และใช้ระยะเวลานาน ทำให้มีโอกาสที่รอบนี้จะเห็นการขึ้นดอกเบี้ยขึ้นแรงขึ้น
 

     อย่างไรก็ตาม ท้ายที่สุด ไม่ว่าขึ้นดอกเบี้ย ที่ 0.25% หรือ 0.50% เชื่อว่า ด้วยเสียงที่แตกมากขึ้น จะทำให้ตลาดเริ่มเปลี่ยนทิศ ไปสู่การขึ้นดอกเบี้ยแรงขึ้นต่อเนื่องในเดือนพ.ย.

       ทั้งนี้คาดว่า การขึ้นดอกเบี้ยแรงครั้งนี้ จะเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับตลาด ไม่งั้นเงินบาทอาจเผชิญการอ่อนค่าแรงต่อเนื่อง และนักลงทุนคาดการณ์ว่า เงินบาทมีโอกาสอ่อนค่าไปถึง 40 บาทต่อดอลลาร์แล้ว

      ดังนั้นหากไม่ทำอะไร อาจกระทบต่อเสถียรภาพเงินบาทได้ในระยะข้างหน้า

       นายอมรเทพ กล่าวว่า วันนี้ ตลาดอาจเปลี่ยนทิศทาง อาจไม่ได้ให้ความสำคัญเรื่องเงินเฟ้อมากเหมือนในอดีต

        แต่ให้ความสำคัญกับเงินบาทมากขึ้นโดยแบงก์ชาติเอง อาจต้องส่งสัญญาณที่ชัดเจนมากขึ้น เกี่ยวกับการดำเนินนโยบายการเงินในระยะข้างหน้า

     ไม่ฉะนั้นตลาดอาจผันผวนมากขึ้น จะเห็นได้ว่า ปัจจุบันเริ่มเห็น  สัญญาณ ริสออฟในตลาดเงินตลาดทุน บอนด์ยีลด์สหรัฐเริ่มพุ่งไม่หยุด ขณะที่เงินบาทอ่อนค่ามาก ก็อาจกระทบต่อผู้ส่งออกได้ในการบริหารบัญชีต่างๆ ดังนั้นเหล่านี้เป็นโจทย์ที่ต้องระมัดระวัง

หวัง ธปท.ใช้นโยบายเชิงรุกหวั่นเงินบาทอ่อนค่า

    นายพิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ KKP Research บริษัทหลักทรัพย์(บล.)เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การประชุม กนง.วันนี้ ( 28 ก.ย.) เชื่อว่าเสียงจะแตกมากขึ้น

     และคาดจะมีคณะกรรมการ กนง.บางท่านจำเป็นที่ต้องเร่งขึ้นดอกเบี้ย เพราะสถานการณ์เปลี่ยนไป รวมถึงยังต้องเผชิญแรงกดดันจากเงินบาทที่อ่อนค่า

    ขณะที่ต่างประเทศปรับขึ้นดอกเบี้ยแรงขึ้น ภายใต้ดุลบัญชีเดินสะพัดที่ขาดดุลมากขึ้น 

      “วันนี้ สิ่งที่ควรทำแบงก์ชาติควรขึ้นดอกเบี้ย 0.50% แต่หากเป็นสิ่งที่แบงก์ชาติส่งสัญญาณก่อนหน้านี้ คือการดำเนินนโยบายการเงินแบบ Policy Normalization ค่อยเป็นค่อยไป ที่ 0.25% และแบงก์ชาติอาจมองว่าค่าเงินบาทยังอ่อนค่าไม่มาก หากเทียบกับภูมิภาค”

รอบนี้แบงก์อั้นไม่ไหว

      นายพิพัฒน์ กล่าวว่า ด้านแรงกดดันเงินเฟ้อ แม้จะยังอยู่แต่วันนี้แรงกดดันลดลง แต่หากมองไประยะข้างหน้าเงินเฟ้อยังคงระดับสูงต่อเนื่อง แต่ค่าเงิน เป็นประเด็นที่แบงก์ชาติต้องให้ความสำคัญมากขึ้น

      สำหรับเงินบาทวันนี้ แม้จะยังไม่อ่อนค่ามากนัก เพราะคนยังคาดว่า ระยะข้างหน้า เงินบาทจะกลับมาแข็งค่ามากขึ้น จากนักท่องเที่ยวเข้ามามากขึ้นในช่วงปลายปี แต่ดุลบัญชีเดินสะพัดที่ขาดดุลต่อเนื่อง ทำให้คนเริ่มหมดหวัง อาจทำให้คนเริ่มกังวล หากท่องเที่ยวไม่ได้กลับมาตามคาด

     จะยิ่งกดดันเงินบาทมากขึ้น สิ่งที่กลัวคือ เงินบาท ที่อาจอ่อนค่ามากขึ้น และเชื่อว่ามีโอกาสหลุด 38บาทต่อดอลลาร์แน่นอน

      “การขึ้นดอกเบี้ยครั้งนี้ของ ธปท. ภาคตลาดเงินคงขึ้นตาม ต้นทุนการเงินของแบงก์ และตลาดเงินคงขยับ อั้นไม่ไหว”

บาทผันผวนหนักอ่อนแตะ 37.98 บาท

     ความเคลื่อนไหวค่าเงินบาท วานนี้ (27 ก.ย.) ระหว่างวันเงินบาทอ่อนค่าไปที่ 37.98 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับอ่อนค่าสุดในรอบ 16 ปี ก่อนจะกลับมาปิดตลาดที่ระดับ 37.92 บาทต่อดอลลาร์ เทียบปิดตลาดวานนี้ที่ 37.88 บาทต่อดอลลาร์

     สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันพรุ่งนี้คาดไว้ที่ 37.75 - 38.10 บาทต่อดอลลาร์ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ผลการประชุม กนง. กระแสเงินทุนต่างชาติ สถานการณ์สกุลเงินเอเชีย ส่วนปัจจัยต่างประเทศที่สำคัญ ได้แก่ ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด และตัวเลขยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขายเดือนส.ค.ของสหรัฐ

 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์