ทำไม ’บิตคอยน์’ ถึงมีแค่ 21 ล้านเหรียญ และ Bitcoin having ดันราคาพุ่งทุก 4 ปี ?
ทำไมบิตคอยน์ถึงมีแค่ 21 ล้านเหรียญบนโลกใบนี้ แล้ว Bitcoin having จะเกิดขึ้นในปี 2567 ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงเดือนเม.ย. จะทำให้ราคาบิตคอยน์พุ่งทะยาน to the moon อีกครั้งได้จริงหรือไม่
“บิตคอยน์” เป็น "เงินดิจิทัล" สกุลแรกของโลก เปิดตัวเมื่อปี 2009 โดยผู้ที่ใช้นามแฝง ซาโตชิ นากาโมโตะ “Satoshi Nakamoto” ซึ่งยังไม่มีใครรู้ว่าตัวจริงเขาคือใครจนถึงทุกวันนี้
นากาโมโตะ ระบุไว้ใน WhitePaper ว่าสร้างบิตคอยน์ขึ้นมาเพื่ออยากคืนอำนาจ “ทางการเงิน” ให้แก่ผู้คน เพราะปัญหาของระบบการเงินในปัจจุบันคือ การมีคนกลางคอยควบคุม แถมธนาคารกลางยังมีเสรีในการพิมพ์เงิน ได้อย่างไม่จำกัด ทำให้การอัดฉีดเงินเข้าไปในระบบ อยู่ในอำนาจนายธนาคารกลางเพียงไม่กี่คน ซึ่งนากาโมโตะมองว่ามันไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย
เหรียญที่โปร่งใสที่สุดในโลก
พร้อมประกาศว่า นี่คือเหรียญที่จะเป็นสกุลเงินที่โปร่งใสที่สุดในโลก ด้วยเหตุผลที่มันดำเนินการบนเทคโนโลยี ‘บล็อกเชน’ ทำให้ทุกคนเข้าถึง และรับรู้ธุรกรรมที่เกิดขึ้นได้พร้อมกันทั่วโลก และกำหนดให้บิตคอยน์มีปริมาณจำกัดที่ 21 ล้านเหรียญ เพื่อป้องกันภาวะเงินเฟ้อจากการเพิ่มจำนวนอย่างรวดเร็ว
กล่าวคือ ถ้าเรามี 1 บิตคอยน์ในวันนี้ ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี ก็ยังเป็น Supply Limit ที่ 21 ล้านบิตคอยน์
ตามกฏของ "ดีมานด์-ซัพพลาย"แล้ว ซึ่งทุกคนรู้ดีว่า สิ่งของอะไรที่มีจำนวนจำกัด และมีคนต้องการเยอะ มูลค่ามันจะยิ่งเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ตามความต้องการของตลาด
บิตคอยน์เหลืออยู่เท่าไร ?
ตอนนี้บิตคอยน์ถูกขุดออกมาแล้วประมาณ 18 ล้านเหรียญ โดยคาดการณ์ว่าจะครบ 21 ล้านเหรียญภายใน 119 ปีต่อจากนี้ และบิตคอยน์ยังมีไซเคิลที่เรียกว่า Bitcoin Having คือ มีการลดอัตราการขุดเหรียญทุกๆ 4 ปี
halving เกิดขึ้นมาแล้ว 3 ครั้ง ซึ่งทุกครั้งรางวัลจะลดลงครึ่งหนึ่ง จากเริ่มแรก 50 BTC/บล็อก ตอนนี้เหลือเพียง 6.25 BTC/บล็อก ส่วนครั้งถัดไปคาดการณ์ว่าจะเกิดขึ้นในปี 2567 ซึ่งรางวัลจะลดลงเหลือ 3.125 บิตคอยน์/บล็อก
วัฏจักรราคาบิตคอยน์
ย้อนไปในอดีตเมื่อเกิดปรากฏการณ์ฮาล์ฟวิ่ง ราคาบิตคอยน์จะมีการเติบโตอย่างเป็นวัฏจักรคือ พุ่งขึ้นในช่วงปีแรก, ร่วงลงในปีถัดมา, เริ่มนิ่งติดดอย และเติบโตจนทำนิวไฮอีกรอบ
อ้างอิงจาก Cointelegraph เว็บไซต์ Research ด้าน cryptocurrency ได้เปิดเผย ราคาในการ Halving ครั้งแรกของบิตคอยน์ปรับตัวขึ้นถึง 9,212% แต่ในครั้งที่สองลดลงเหลือ 2,910% และในครั้งล่าสุดลดลงเหลือ 679% ดังนั้น การปรับตัวขึ้นหลังจาก Halving ในครั้งถัดไปอาจจะมีการปรับตัวขึ้นก็เป็นได้ แต่การปรับตัวขึ้นอาจไม่ได้สูงเทียบเท่ากับอดีตที่ผ่านมา
พร้อมกับมีการคาดการณ์ว่า บิตคอยน์มีโอกาสปรับตัวขึ้นในขาขึ้นรอบใหม่ 317% ไปถึงจุดสูงสุดที่ราคา 147,843 ดอลลาร์เลยทีเดียว
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์