วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก ผันผวน

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก ผันผวน

วันศุกร์ที่ผ่านมาดัชนีเคลื่อนไหวในแดนบวก มีแรงหนุนจากกระทรวงพาณิชย์เผยตัวเลขส่งออกเดือนก.พ. โต 14% สูงกว่าตลาดคาดการณ์ที่ระดับ 8.0-8.4%

มีแรงซื้อนำโดยหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ และแรงซื้อเพิ่มเติมในหุ้นกลุ่มพลังงาน จากราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวขึ้น อย่างไรก็ตามดัชนีปรับตัวขึ้นได้อย่างจำกัด เนื่องจาก มีแรงขายกดดันในหุ้นกลุ่มโรงพยาบาล ค้าปลีก และขนส่ง ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,186.61 จุด +4.90 จุด +0.41% มูลค่าการซื้อขาย 47,293.40 ลบ. (ในสัปดาห์ที่ผ่านมาดัชนี +12.85 จุด +1.09%) Program Trading -2,484.5 ลบ. ต่างชาติ +469.4 ลบ. TFEX +13,811 สัญญา ตราสารหนี้ +657.1 ลบ.

ปัจจัยบวก    

+ ดัชนีดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 32.03 จุด หรือ +0.08% โดยฟื้นตัวจากการ ติดลบในช่วงเช้า หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ให้ความหวังว่า ภาษีศุลกากรที่ประกาศไว้ก่อนหน้านี้ซึ่งคาดว่าจะเริ่มบังคับใช้ในช่วงต้นเดือนเม.ย.นั้น อาจไม่รุนแรงอย่างที่วิตกกัน
+ สัญญาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 21 เซนต์ หรือ +0.3% ปิดที่ 68.28 ดอลลาร์/บาร์เรล และปรับตัวขึ้นเป็นสัปดาห์ที่สองติดต่อกัน เนื่องจากมาตรการคว่ำบาตรรอบใหม่ของสหรัฐฯ ต่ออิหร่าน และแผนการผลิตล่าสุดของกลุ่มโอเปคพลัส (OPEC+) ทำให้ตลาดคาดว่าปริมาณอุปทานจะตึงตัวขึ้น
+ ปธน.ทรัมป์กล่าวว่าจะมีการใช้ความยืดหยุ่นต่อแผนการเรียกเก็บภาษีตอบโต้ซึ่งสหรัฐฯ มีกำหนดบังคับใช้ในวันที่ 2 เม.ย. พร้อมกับกล่าวว่าเขา มีแผนที่จะพูดคุยกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน หลังจากที่จีนประกาศเรียกเก็บภาษีสินค้าเกษตรนำเข้าจากสหรัฐฯ เพื่อตอบโต้สหรัฐฯ ที่เรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีน
+ กระทรวงพาณิชย์เตรียมส่งหนังสือถึง นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ในฐานะประธาน นบข.เพื่อพิจารณานำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับวาระที่จะเสนอที่ประชุม นบข.อีกครั้งก่อนเสนอ ที่ประชุมครม. ต่อไป

 

 

+ รมว.คมนาคมยืนยันยังเดินหน้าโครงการ "แลนด์บริดจ์" พร้อมเร่งเครื่องดัน พ.ร.บ. SEC เข้าครม. พ.ค.นี้ มั่นใจมีผลบังคับใช้ภายในปี 68 ตั้งเป้าตอกเสาเข็มภายในรัฐบาลชุดนี้

ปัจจัยลบ 

- รัฐบาลสหรัฐฯ ประกาศมาตรการคว่ำบาตรรอบใหม่ที่เกี่ยวข้องกับอิหร่าน โดยมุ่งเป้าไปที่หน่วยงานต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงโรงกลั่นน้ำมันขนาดเล็กของจีน หรือที่เรียกว่า "Teapot Refinery" และเรือบรรทุกน้ำมันที่ขนส่งน้ำมันดิบให้กับโรงกลั่นเหล่านี้
- ผลสำรวจภาคเอกชน ระบุว่า ภาคการผลิตของญี่ปุ่นส่งสัญญาณชะลอตัวรุนแรงในเดือนมี.ค. สะท้อนจากดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาค การผลิตขั้นต้นจาก au Jibun Bank ที่ร่วงลงมาอยู่ที่ 48.3 ในเดือนมี.ค. จากระดับ 49.0 ในเดือนก.พ. นับเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 1 ปี และ ต่ำกว่าระดับ 50.0 ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 9
- ภาคการผลิตของญี่ปุ่นส่งสัญญาณชะลอตัวรุนแรงในเดือนมี.ค. สะท้อนจากดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นต้นที่ร่วงลงมาอยู่ที่ 48.3 ในเดือนมี.ค. จากระดับ 49.0 ในเดือนก.พ. ต่ำสุดในรอบ 1 ปี และ ต่ำกว่าระดับ 50 ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 9 บ่งชี้ว่าอยู่ในภาวะหดตัว
- ตลท. สรุปมูลค่าซื้อขายหลักทรัพย์สะสมตามกลุ่มนักลงทุนตั้งแต่ วันที่ 1 มกราคม-21 มีนาคม 2568 พบว่าสถาบันในประเทศขายสุทธิ 2,610.93 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ ขายสุทธิ 8,480.61 ล้านบาทนักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 34,273.61 ล้านบาท นักลงทุนในประเทศ ซื้อสุทธิ 45,365.15 ล้านบาท

แนวโน้มตลาดวันนี้

คาดดัชนีในวันนี้ยังแกว่งตัวผันผวนระหว่าง โดยนักลงทุนยังจับตาการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีวันที่ 24-26 มี.ค.นี้ ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศยังขาดปัจจัยใหม่เข้ากระทบตลาด มองกรอบดัชนีวันนี้ที่ 1,180-1,190 จุด

 

กลยุทธ์การลงทุน  

• หุ้นที่ได้ประโยชน์จาก กนง. ลดดอกเบี้ย : AP LH SIRI SC SPALI QH MTC TIDLOR
• หุ้นที่ได้ประโยชน์จากโครงการ TISA : CPALL SCB TISCO EGCO BDMS TU ADVANC
• หุ้นที่ได้ประโยชน์จาก ThaiESG Extra : BBL BEM CPALL PTT TISCO
• กรณี ธปท.ผ่อนปรนมาตรการ LTV แนะนา top pick หุ้นที่อยู่อาศัย ได้แก่ AP LH SIRI SC SPALI QH

หุ้นรายงานพิเศษ  

TACC "ซื้อรับปันผล" ราคาเหมาะสม 6.10 บาท มีอัพไซต์ 36%
"มุมมองเป็นกลางต่อแนวโน้มกำไรปี 68"

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก ผันผวน

•งวด 4Q67 มีกำไร 57 ลบ. -3%YoY -7%QoQ (สวนทางกับที่คาดว่าจะเติบโตเล็กน้อย YoY QoQ) โดยหลักมาจาก %GPM ปรับลดลงสู่ 32.7% (4Q66 = 33.1%, 3Q67 = 33.2%) เนื่องจากราคากาแฟที่ปรับสูงขึ้น ขณะที่มีรายได้ 517 ลบ. +12%YoY +7%QoQ จากการเข้าสู่ช่วง High Season ที่มีกำลังซื้อจากภายในประเทศและนทท.ต่างชาติ โดยทั้งปี 67 มีรายได้ และกำไรสุทธิ 1,954 ลบ. +14%YoY และ 247 ลบ. +20%YoY ตามลำดับ

•ความเห็น เรามีมุมมองเป็นกลางต่อแนวโน้มกำไรปี 68 แม้คาดรายได้ปีนี้มีโอกาสเติบโต 10% จากแผนการขายสาขา 7-Eleven ปีละราว 700 แห่ง รวมทั้งแผนขยายสาขาเชิงรุกของ ร้านกาแฟพันธุ์ไทยอีก 600 แห่งสู่สิ้นปี 68 ที่ 1,947 แห่ง อย่างไรก็ตาม คาด %GPM อาจปรับลดลงสู่ 32-32.5% จากปีก่อนอยู่ที่ระดับ 33.2% ถูกกดดันจากราคากาแฟที่ปรับสูงขึ้น แต่ คาดจะถูกชดเชยจาก %SG&A ที่ปรับลดลงจากประสิทธิภาพการดำเนินงานและการบริหารค่าใช้จ่าย ส่งผลให้เราคาดกำไรปี 68 ราว 266 ลบ. +8%YoY และราคาเหมาะสม 6.10 บาท มีอัพไซต์ 36% พร้อมกับจ่ายปันผลในอัตรา 7-8% ต่อปี แนะนำ "ซื้อรับปันผล" ซึ่งล่าสุด บริษัทประกาศจ่ายปันผล 0.19 บาท/หุ้น คิดเป็น %Yield 4.2% (จ่ายปีละ 2 ครั้ง) XD วันที่ 6 พ.ค. 68 และจ่ายวันที่ 21 พ.ค. 68

หุ้นมีข่าว

(+) ACE (Bloomberg Consensus 1.40 บาท) ปักเป้าปี 2568 รายได้โตต่อเนื่องจากปี 2567 รับเก็บเกี่ยวขายไฟฟ้าพุ่ง พร้อมเดินหน้า COD ของใหม่รวม 20 โครงการ รวมกำลังผลิตราว 126.92 เมกะวัตต์ คาดทยอยรับทรัพย์ต่อเนื่องถึงปลายปี ชี้หากลุล่วงหนุนกำลังผลิตของพอร์ตพุ่งแตะ 476.13 เมกะวัตต์ ซีอีโอ "ธนะชัย บัณฑิตวรภูมิ" ยิ้มรับกนง.หั่นดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% หนุนต้นทุนการเงินลด (ที่มา ทันหุ้น)

(+) EA (Bloomberg Consensus 2.90 บาท) มั่นใจผลการดำเนินงานปีนี้ดีกว่าปีก่อน เหตุระบาย สต็อกรถอีวีในช่วงไตรมาส 1-2 ปีนี้ - กระแสเงินสดจากโรงไฟฟ้าดีต่อ - ปีนี้ไม่มีรายการ Write Off ใหญ่ๆ หวังปีนี้ทริสเพิ่มอันดับเรตติ้ง หลังเพิ่มทุนสำเร็จ-สภาพคล่องดีด-D/E ลดเหลือ 1.1 เท่า ลั่น มีศักยภาพชนะประมูลโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนเพิ่ม-โครงการสปป.ลาว หนุนในระยะยาว เตรียมเปิดดำเนินงานโรงงานผลิต SAF ปลายปีนี้ (ที่มา ทันหุ้น)

(+) NER (ราคาเหมาะสม 8.00 บาท) ชี้ทิศทางราคายางทรงตัวระดับสูงไปอีก 5 ปี จากภาวะ เอลนีโญ ในปี 2567 ลุยปรับใช้กลยุทธ์เก็งกำไรราคายางหนุนโต พร้อมรุกตลาดอินเดียดันส่วนเพิ่มเป็น 15% และเดินหน้าขยายกำลังการผลิตอีก 330,000 ตัน คาดเสร็จสิ้นปี 2569 ปักหมุดรายได้ปีนี้แตะ 3.4 หมื่นล้านบาท (ที่มา ทันหุ้น)

(+) EGCO (Bloomberg Consensus 117.50 บาท) จ่อรับรู้รายได้เต็มปีจาก 3 โครงการใหญ่ ทั้งใน-ต่างประเทศ ทั้งยังรับรู้ส่วนแบ่งเงินลงทุน 30% จาก CDI ที่อยู่ระหว่างขยายฐานทั้ง 4 กลุ่มธุรกิจ พร้อมกำงบ 3 หมื่นล้านบาท เร่งปิดดีล M&A หวังรับรู้รายได้ทันที มั่นใจรายได้เติบโตแข็งแกร่ง ลั่นจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอ (ที่มา ทันหุ้น)