เวสต์เทกซัส 70.61 ดอลลาร์สหรัฐฯ /บาร์เรล เบรนท์ 74.29 ดอลลาร์สหรัฐฯ /บาร์เรล

ปัจจัยที่ส่งผลกระทบกับราคา

(-) ราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสและเบรนท์ปรับลดลง หลังโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ให้คำมั่นที่จะปรับเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ เพื่อลดราคาพลังงานรวมถึงสินค้าโภคภัณฑ์ต่างๆ ส่งผลให้ตลาดกังวลเรื่องอุปทานน้ำมันส่วนเกินมากขึ้น

(-) ตลาดยังคงจับตาผลกระทบจากมาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ต่อประเทศคู่ค้ารายต่างๆ ที่อาจกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจโลก     ทั้งจากราคาสินค้าที่ปรับเพิ่มขึ้น ตลอดจนต้นทุนพลังงานต่างๆ      ซึ่งจะกดดันเศรษฐกิจให้ชะลอตัวลงกว่าที่คาดการณ์ก่อนหน้า และกดดันความต้องการใช้น้ำมันโลก

(+) กระทรวงการคลังสหรัฐฯ กำหนดมาตรการคว่ำบาตรรอบใหม่ต่อบุคคลและเรือบรรทุกน้ำมันที่ใช้ขนส่งน้ำมันดิบจากอิหร่าน โดยเฉพาะการส่งออกไปยังจีนซึ่งถือเป็นผู้ซื้อน้ำมันรายใหญ่ หลังทรัมป์ได้ประกาศนโยบายที่จะลดการส่งออกน้ำมันดิบของอิหร่านให้เป็นศูนย์ เพื่อหยุดยั้งอิหร่านในการครอบครองอาวุธนิวเคลียร์

(-/+) ตลาดจับตาตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรที่จะเปิดเผยในวันนี้ หลังกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกปรับเพิ่มขึ้น 11,000 รายแตะระดับ 219,000 ราย ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 213,000 ราย สะท้อนภาพตลาดแรงงานที่มีแนวโน้มอ่อนตัวลง และหนุนธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในการปรับลดอัตราดอกเบี้ย

 

 

ราคาน้ำมันเบนซิน

ราคาน้ำมันเบนซินปรับลดมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังราคาได้รับแรงกดดันจากสต็อกน้ำมันเบนซินสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 31 ม.ค. 68 ที่ปรับเพิ่มขึ้นกว่า 2.2 ล้านบาร์เรล แตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 1 ปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี ราคาได้รับแรงหนุนจากตัวเลขการส่งออกน้ำมันเบนซินจากจีนที่ยังทรงตัวในระดับต่ำหลังอุปสงค์ในประเทศยังคงแข็งแกร่ง 

ราคาน้ำมันดีเซล

ราคาน้ำมันดีเซลปรับลดมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังอุปทานน้ำมันดีเซลมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นจากการที่โรงกลั่นในไต้หวันเตรียมกลับมาเปิดดำเนินการในวันที่ 7 ก.พ. 68 ภายหลังเสร็จสิ้นการปิดซ่อมบำรุงตามฤดูกาล อย่างไรก็ดี ยังคงมีแรงหนุนจากสต็อกน้ำมันดีเซลสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 31 ม.ค. 68     ที่ปรับลดลง 5.5 ล้านบาร์เรล แตะระดับต่ำสุดในรอบ 1 เดือน