วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ ภายในติดตามผลประกอบการ ภายนอกตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯและจีน

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ ภายในติดตามผลประกอบการ ภายนอกตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯและจีน

ราคาน้ำมันดิบปรับลดลง ทั้งจากสถานการณ์ตะวันออกกลางดีขึ้นและตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่แข็งแกร่งกดดันการลดดอกเบี้ย ราคาน้ำมันดิบปรับลดลงเล็กน้อย โดยหลักจาก 2 ปัจจัย

1) มีคาดการณ์กลุ่มกบฎฮูตี อาจยุติการโจมตีเรือบรรทุกสินค้าในทะเลแดง หลังอิสราเอลและฮามาส บรรลุข้อตกลงหยุดยิง 2) ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่แข็งแกร่ง จะทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ ใช้ความระมัดระวังในการปรับลดดอกเบี้ย โดยยอดค้าปลีก ธ.ค. +0.4% MoM ยังแข็งแกร่ง แม้ต่ำกว่าคาดการณ์ที่ +0.6% MoM และลดลงเล็กน้อยเทียบกับ พ.ย.ที่ +0.8% MoM // ทั้งนี้จากการที่ตลาดมองเฟดน่าจะตรึงดอกเบี้ยในการประชุมต้นปี 29 ม.ค. และ 19 มี.ค. ทำให้หากจะปรับดอกเบี้ยลง น่าจะเป็นในการประชุม 7 พ.ค. หรือ 18 มิ.ย. (น้ำหนักของการลดดอกเบี้ยอยู่ที่ 7 พ.ค.) ดังนั้นประเด็นเรื่องดอกเบี้ยในระยะสั้นจะมีน้ำหนักน้อยกว่าผลประกอบการ

เข้าสู่ช่วงประกาศผลประกอบการ: แม้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะปรับลดลงเล็กน้อย แต่ภาพรวมการรายงานผลประกอบการในกลุ่มหุ้นขนาดใหญ่ยังคงออกมาดี ไม่ว่าจะเป็น TSMC, United Health, Bank of America, Morgan Stanley ที่รายงานกำไรดีกว่าคาด สำหรับในประเทศ คาดการณ์วันประกาศผลประกอบการในช่วง 2 สัปดาห์ข้างหน้า ได้แก่ 17 ม.ค. KTC / 20 ม.ค. – BBL, KKP, TTB / 21 ม.ค. – KBANK, KTB, SCB / 28 ม.ค. – SCGD, SCGP / 29 ม.ค. – SCC / 30 ม.ค. – PTTEP // โดยรวมเราคาดกลุ่มธนาคาร และพลังงาน จะออกมาดี ขณะที่ผลประกอบการหุ้นกลุ่มปูนใหญ่ ไม่ดีนัก แต่ไตรมาสหน้าคาดจะดีขึ้นจากการเข้าสู่ seasonal high ทำให้ถึงงบออกมาไม่ดี ก็มีโอกาสมีแรงซื้อเก็งกำไรลุ้นการผ่านจุดต่ำสุดของผลประกอบการในระยะสั้นได้  

กลุ่มบริโภคในประเทศและอาหารมีปัจจัยหนุนที่น่าสนใจ: หุ้นบริโภคในประเทศ คาดได้แรงหนุนเชิงบวกจาก 1) Easy e-receipt ที่จะเริ่มต้น 16 ม.ค.-28 ก.พ. 2) เงิน 10,000 บาท เฟส 2 ที่จะโดน 27 ม.ค.นี้ ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกต่อ โดยเฉพาะต่อกลุ่มค้าปลีก อาทิ CPALL, CPAXT, TNP, MEB, HMPRO, COM7, ADVICE, SYNEX, SIS, CRC, CPN // สำหรับกลุ่มอาหาร – คาดรายงานกำไรไตรมาส 4/67 ดีขึ้นต่อเนื่อง

 

และเป็นปัจจัยหนุนให้ตลาดปรับเพิ่มประมาณการและราคาเหมาะสมขึ้น เป็นปัจจัยหนุนต่อราคาหุ้นในช่วงต่อไป โดวเราชอบทั้ง CBG, OSP, CPF, BTG, TFG  

ภาพรวมกลยุทธ์ ยังยืนยันความผันผวนช่วงม.ค.เป็นโอกาสในการเลือกซื้อ โดยยังมองกลุ่ม Earnings momentum play ใน 4Q67-1Q68 มีความน่าสนใจ โดยเราชอบ หุ้นในกลุ่มท่องเที่ยว, การแพทย์, สื่อสาร, ค้าปลีก และอาหาร (เครื่องดื่มและเนื้อสัตว์) ขณะที่คาดธนาคาร และการเงิน จะเป็นกลุ่มช่วยประคองบรรยากาศโดยรวม เก็งกำไรอาจเลือกหุ้นที่ลงมาเยอะ อาทิ HANA, SCC

แนวรับ: 1,340-1,345   แนวต้าน : 1,367-1,375 จุด

สัดส่วนลงทุน: เงินสด 40% vs พอร์ตหุ้น 60%

หุ้นแนะนำ  (* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ นักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาเข้าซื้อ)

•    CRC (39) : คาดผลประกอบการได้แรงหนุนจากช่วงเทศกาลปลายปี รวมถึงเม็ดเงินจากมาตรการ Easy E-receipt ตัดขาดทุน 33.75 บาท
•    CBG* (85): ผลการดำเนินงานมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง จากต้นทุนการผลิตที่ปรับลดลง และการสร้างโรงงานที่พม่าบวกต่อการแย่งส่วนแบ่งการตลาด ตัดขาดทุน 70 บาท
•    BTG (21) : คาดกำไร 4Q67F เพิ่มขึ้นทั้ง qoq และ yoy จากต้นทุนการผลิตที่ปรับลดลง ส่งผลให้อัตรากำไรยังปรับดีขึ้นต่อเนื่อง ตัดขาดทุน 17.50 บาท
•    ADVANC* (310): ผลประกอบการกลุ่มสื่อสารยังมีแนวโน้มบวกจากการปรับเพิ่มประมาณการ และผลดีจากการรวมธุรกิจของ 3BB เข้ามา ตัดขาดทุน 278 บาท  

ประเด็นที่น่าสนใจ  

-    สหรัฐเผยตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานสูงกว่าคาด
-    ก.ล.ต.เปิดทางกองทุนรวม-กองทุนส่วนบุคคลลงทุน crypto ETF-investment token มีผล 16 ม.ค.
-    กกพ.เสนอลดค่าไฟ 17 สตางค์/หน่วย เหลือ 3.98 บาท/หน่วย
-    MEDEZE จับมือ IFCG เซ็น MOU ขยายฐานเก็บเซลล์เจาะกลุ่มลูกค้ากำลังซื้อสูง
-    SAMART ส่งซิกปิดงบปี 67 พลิกกลับสู่กำไร ปีนี้เร่งโตต่ออีก 400% ปั๊มงานเข้า Backlog แตะ 3.59 หมื่นล้าน
-    บทวิเคราะห์วันนี้ : TOP แนะนำ ถือ เป้า 27.00 บาท

 

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

20 ม.ค. – CN Loan Prime Rate

 

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ ภายในติดตามผลประกอบการ ภายนอกตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯและจีน