วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก Sideway

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก Sideway

วันศุกร์ที่ผ่านมา ดัชนีปรับตัวบวกเล็กน้อย มีแรงซื้อเพิ่มขึ้นในช่วงบ่าย แรงซื้อนำโดยหุ้นกลุ่มค้าปลีก อย่าง CPAXT ปรับตัวขึ้นเด่น +7% ตอบรับคาดรายได้ 4Q66 เติบโต รวมถึง CPALL ที่ปรับตัวขึ้น และแรงซื้อกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ แต่มีแรงขายหุ้นกลุ่มพลังงาน

โดยสหรัฐฯ รายงาน CPI เดือนธ.ค. +3.4% ออกมาสูงกว่าที่ตลาดคาดเล็กน้อย ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,413.53 จุด +5.29 จุด +0.38% มูลค่าการซื้อขาย 40,236 ลบ. Program Trading -612.52 ลบ. ต่างชาติ -67.30 ลบ. TFEX -5,692 สัญญา ตราสารหนี้ -5,791.57 ลบ.

ปัจจัยบวก    

+ สัญญาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 66 เซนต์ หรือ +0.92% ปิดที่ 72.68 ดอลลาร์/บาร์เรล และปิดสูงสุดในรอบ 1 สัปดาห์แต่ราคาปรับตัวลง 1.5% ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาท่ามกลางความตึงเครียดในทะเลแดงหลังจากสหรัฐและอังกฤษปฏิบัติการทางอากาศโจมตีกลุ่มกบฏฮูตีในเยเมน ซึ่งทำให้เกิดความวิตกเกี่ยวกับภาวะชะงักงันด้านอุปทานน้ำมัน
+ FedWatch Tool บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 79.5% ที่ FED จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.00-5.25% ในการประชุมวันที่ 19-20 มี.ค. จาก 73.2% เมื่อวันพฤหัสบดี
+ นายหวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศจีน กล่าวว่า สงครามในฉนวนกาซายังคงทวีความรุนแรง และจีนเรียกร้องให้มีการจัดการประชุมสันติภาพระหว่างประเทศที่มีขนาดใหญ่ยิ่งขึ้นเพื่อแก้ไขวิกฤติในกาซา
+ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยดัชนี PPI ทั่วไป. ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 1.0%YoY ในเดือนธ.ค. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.3% จากระดับ 0.8% ในเดือนพ.ย. และเมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี PPI ทั่วไปลดลง 0.1%MoM ในเดือนธ.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่า อาจเพิ่มขึ้น 0.1% หลังจากปรับตัวลง 0.1% ในเดือนพ.ย.

ปัจจัยลบ  

- ดัชนีดาวโจนส์ปิดลดลง 118.04 จุด หรือ -0.31% ขณะที่ดัชนี S&P500 และดัชนี Nasdaq ปิดบวกเล็กน้อย การซื้อขายเป็นไปอย่างผันผวนหลังการเปิดเผยผลประกอบการที่อ่อนแอของธนาคารต่าง ๆ บดบังปัจจัยบวกจากการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อที่ต่ำกว่าคาดซึ่งสนับสนุนความคาดหวังที่ว่า FED จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง
 

 

- FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 67% ที่ FED จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมวันที่ 19-20 มี.ค. ซึ่งลดลงจากระดับ 71% ในช่วงก่อนที่สหรัฐจะเปิดเผยตัวเลข CPI
- สหรัฐและสหราชอาณาจักรทำการโจมตีทางอากาศใส่เป้าหมายต่าง ๆ ของกลุ่มกบฏฮูตีในเยเมน เพื่อตอบโต้ต่อการที่กลุ่มกบฏฮูตีโจมตีเรือพาณิชย์ซึ่งเกิดขึ้นหลายต่อหลายครั้ง จนส่งผลกระทบต่อการเดินเรือในทะเลแดง
- กลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ของสหรัฐ อาทิ เจพีมอร์แกน เชส, แบงก์ ออฟ อเมริกา และซิตี้กรุ๊ป เปิดเผยผลประกอบการที่น่าผิดหวังใน 4Q66 ส่วนหนึ่งเกิดจากการเติมเงินเข้าสู่กองทุนของบรรษัทค้าประกันเงินฝากของรัฐบาลกลางสหรัฐ (FDIC) ชดเชยเงินไหลออกจากการล่มสลายของซิลิคอน วัลเลย์ แบงก์ และซิกเนเจอร์แบงก์
- ตลาดหลักทรัพย์ สรุปมูลค่าซื้อขายหลักทรัพย์สะสมตามกลุ่มนักลงทุนตั้งแต่วันที่ 1-12 มกราคม 2567 พบว่าสถาบันในประเทศขายสุทธิ 1,319.49 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ซื้อสุทธิ 1,346.79 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 6,325.87 ล้านบาท นักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิ 6,298.57 ล้านบาท

แนวโน้มตลาดวันนี้    

คาดดัชนีในวันนี้ยังแกว่งตัวในลักษณะ Sideway ออกข้าง โดยมีแรงหนุนจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยดัชนี PPI ต่ำกว่าตลาดคาด ทำให้นักลงทุนคาดหวังที่ว่าเฟด จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง ขณะที่ในประเทศยังขาดปัจจัยใหม่หนุน กรอบดัชนีในวันนี้ที่ 1,410-1,420 จุด

กลยุทธ์การลงทุน  

• Easy E-Receipt : BJC CPALL CPAXT COM7 SPVI CPW JMART HMPRO DOHOME GLOBAL ZEN M AU TNP KK
• หุ้นที่มี ESG สูง และอยู่ใน SET50 : ADVANC CPALL CPF CRC OR PTTEP TOP
• หุ้นเด่น IAA : AOT CPALL CPN GPSC

 

 

หุ้นรายงานพิเศษ  

AUCT "ซื้อเมื่ออ่อนตัว" ราคาเหมาะสม 13.30 บาท Upside 10%
"คาด 4Q66 จะเติบโตทั้ง YoY QoQ ทำจุดสูงสุดใหม่ แต่เริ่มเห็นทิศทางที่โตชะลอลง"

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก Sideway

•(+) งวด 3Q66 มีกำไร 94 ลบ. +40%YoY +44%QoQ ใกล้เคียงกับที่เราคาดที่ 97 ลบ. โดยมีรายได้ 327 ลบ. +31%YoY +22%QoQ เติบโตทั้งรายได้จากการประมูลและรายได้ค่าขนย้ายและบริการเสริม จากจำนวนปริมาณรถยึดเข้าสู่ลานประมูลที่เพิ่มขึ้น สอดคล้องกับ ธปท.รายงาน NPL รถยนต์งวด 3Q66 เร่งขึ้นมาที่ระดับ 2.1% (3Q65 = 1.66%, 2Q66 = 2.05%) ประกอบกับการปรับค่าบริการรถยนต์ 4 ล้อ 6 ล้อ ตั้งแต่ 1 ส.ค.65 และบิ้กไบค์ตั้งแต่ 26 พ.ย. 65 ส่วน %GPM อยู่ที่ระดับ 50.2% (3Q65 = 50.3%, 2Q66 = 47.9%) ขณะที่กำไร 9M65 อยู่ที่ 255 ลบ. +63%YoY และคิดเป็น 71% ของประมาณการทั้งปี 66 ที่ราว 360 ลบ. +43%YoY

•(+) ความเห็น เรามีมุมมองเป็นกลางค่อนบวกต่อแนวโน้มกำไร 4Q66 คาดราว 105 ลบ. +11%YoY +12%QoQ ทำจุดสูงสุดใหม่ จากการเข้าสู่ช่วง High Season อย่างไรก็ตาม คาดจะเริ่มเห็นการเติบโตในอัตราที่ลดลงตั้งแต่ 4Q66 เป็นต้นไป เนื่องจากเหตุผล 3 ประการ คือ 1) เป็นการโตเทียบกับฐานที่ถูกปรับค่าบริการรถยนต์ 4 ล้อ 6 ล้อ และบิ้กไบค์มาแล้ว 2) แม้แนวโน้ม %NPL ยังคงเร่งขึ้น แต่ราคารถมือสองที่ลดลงทำให้สถาบันการเงินเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้นและปล่อยรถยึดออกมาประมูลน้อยลง และ 3) แนวโน้มดีมานด์เต้นท์รถมือสอง(ลูกค้าหลัก) คาดจะอ่อนแอลงจากทั้งแนวโน้มราคารถมือสองที่ลดลงและสต็อกสินค้าไว้ก่อนหน้านี้แล้ว โดยเรายังคงประมาณกำไรทั้งปี 66 ราว 360 ลบ. +43%YoY แต่ปรับคำแนะนำเป็น “ซื้อเมื่ออ่อนตัว” จากเดิม “ซื้อ” เนื่องจากราคาหุ้นขยับเข้าใกล้ราคาเหมาะสมที่ 13.30 บาท เหลือ Upside เพียง 10%

หุ้นมีข่าว

(+) EKH (Bloomberg consensus 9.75 บาท) เตรียมโกยลูกค้าจีนปั๊มบุตรปีมังกร เดินหน้าเพิ่มเอเจนต์รายใหม่ รับเลิกวีซ่าไทย-จีน ส่งเสริมตั้งเป้ารายได้ปีนี้โต 7-10% แนวโน้มผู้ใช้บริการมากขึ้น หวังทางด่วนสายใหม่ที่จะเสร็จกลางปีดันฐานลูกค้า พร้อมเดินหน้าทำตลาดเชิงรุก ผนึกพันธมิตรลงทุนโรงพยาบาลคูน อ่าวนาง โรงพยาบาลจิตเวช ส่วนโรงพยาบาลเอกชัยขยายเพิ่มอีก 60 เตียง เดินหน้าดีลร่วมทุนเพิ่ม (ที่มา ทันหุ้น)

(+) III (Bloomberg consensus 17.00 บาท) ประเมินโลจิสติกส์ปี 2567 ฟื้นตัว ค่าระวางเรือดีขึ้น มั่นใจรายได้เติบโตกว่า 15% ความต้องการขนส่งเติบโตทุกทาง เร่งผลักดันบริการเอเชีย Same-Day มั่นใจตลาดเติบโต "ทิพย์ ดาลาล" แย้มมีดีล M&A คาดชัดเจนปีนี้ เล็งศึกษาขนส่งของที่เป็นอีวี รองรับความต้องการลูกค้า ฟากโบรกมอง M&A ดันการเติบโตครึ่งปีหลัง 2567 (ที่มา ทันหุ้น)

(+) JMART (Bloomberg consensus - บาท) บิ๊ก JMART ลั่นปีนี้ไม่เพียงเทิร์นอะราวด์ แต่ผลงานจะทำนิวไฮ รับอานิสงส์ "Easy e-Receipt" สุกี้ตี๋น้อยโตเร็ว-JMT แข็งแกร่ง - J ขยายแรง ส่วน SINGER ผ่านพ้นจุดต่ำ สินทรัพย์ดิจิทัลหนุน ตอกย้ำฐานะการเงินแกร่ง หนี้สินต่อทุนต่ำ เตรียมเงินไถ่ถอนหุ้นกู้ครบดีลช่วงกันยายนนี้ มูลค่าราว 2.5 พันล้านบาทแล้ว (ที่มา ทันหุ้น)

(+) HUMAN (Bloomberg consensus 12.35 บาท) เคาะผลงานปี 2567 บริการ HR ดีมานด์ล้น องค์กรเปลี่ยนเป็นดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน ให้ความสำคัญบริการจัดการคน หนุนตลาด "Workplaze" เติบโต ปี 2567 คาดรายได้โตไม่ต่ำกว่า 15% จากปี 2566 จะมีการเปิดตัวซอฟต์แวร์ใหม่ๆ และยังมีการเจรจา M&A ต่อยอด (ที่มา ทันหุ้น)