Thaioil Weekly Oil Market and Outlook as of 25 December 2023

Thaioil Weekly Oil Market and Outlook as of 25 December 2023

ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มอ่อนตัวเล็กน้อย จากการซื้อขายที่เบาบางในช่วงวันหยุด ขณะที่ตลาดจับตาผลกระทบสถานการณ์ทะเลแดง

ไทยออยล์คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 69 - 76 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวที่กรอบ 75 - 82 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

Thaioil Weekly Oil Market and Outlook as of 25 December 2023

แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบ (25 – 29 ธ.ค. 66) 

ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มอ่อนตัวลงเล็กน้อย เนื่องจากการซื้อขายในตลาดที่คาดการณ์ว่าจะเบาบางในช่วงวันหยุดคริสมาสต์ อย่างไรก็ตามราคายังได้รับแรงสนับสนุนจากความไม่แน่นอนในบริเวณทะเลแดงเนื่องจากบริษัทรายใหญ่หยุดการขนส่งน้ำมันผ่านทะเลแดง และปรับเปลี่ยนเส้นทางการขนส่ง ตลาดยังคงกังวลถึงผลกระทบต่ออุปทานน้ำมันดิบจากการปรับลดการผลิตน้ำมัน รวมถึง ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มปรับลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้าจากอุปสงค์น้ำมันดิบที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น

 

ปัจจัยสำคัญที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์นี้

-  ตลาดยังคงจับตาสถานการณ์ความไม่แน่นอนในทะเลแดง ภูมิภาคตะวันออกลางอย่างใกล้ชิดภายหลังกองกำลังฮูตี (Houthi) โจมตีเรือบรรทุกสินค้าทุกลำที่มุ่งหน้ามายังอิสราเอลผ่านทะเลแดง ส่งผลให้ตลาดกังวลถึงผลกระทบต่ออุปทานน้ำมันดิบและน้ำมันสำเร็จรูป หลังบริษัทรายใหญ่ ได้แก่ BP, MSC และ Maersk หยุดหรือปรับเปลี่ยนเส้นทางการขนส่งน้ำมันผ่านทะเลแดงไปเป็นเส้นทางผ่านแหลมกู้ดโฮป ซึ่งจะใช้เวลนานมากขึ้นกว่า 10 วัน ซึ่งทำให้ค่าขนส่งเรือ Suezmax สูงขึ้น 29% รวมถึง War risk premium สูงขึ้นจาก 2,000 เป็นกว่า 10,000 ดอลลลาร์สหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม ผลกระทบยังถือว่าอยู่ในพื้นที่จำกัด ขณะที่สหรัฐฯ และหลายประเทศได้ร่วมกันจัดตั้งปฏิบัติการเพื่อปกป้องการค้าในทะเลแดงและบริเวณอ่าวเอเดนเพื่อป้องกันความรุนแรงที่อาจเกิดขึ้น

-  Goldman Sachs ปรับลดการคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ ปี 2567 ลงราว 10 ดอลลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล โดยคาดว่าจะอยู่ที่ช่วงราคา 70-90 ดอลลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เนื่องจากตลาดมีแนวโน้มตึงตัวน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยอุปทานน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ในปีหน้าได้คาดการณ์ว่าจะปรับตัวสูงขึ้นที่ระดับ 0.9 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งเพิ่มขึ้นมากกว่าการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ที่ระดับ 0.6 ล้านบาร์เรลต่อวัน สืบเนื่องจากประสิทธิภาพการขุดเจาะน้ำมันสูงขึ้น

- อุปทานน้ำมันดิบยังคงมีความไม่แน่นอน โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าอาจไม่มีการลดกำลังการผลิตน้ำมันเพิ่มเติมจากกลุ่ม OPEC+ ภายในสิ้นปีนี้ แม้ว่ารัสเซียอาจมีการปรับลดปริมาณการส่งออกน้ำมันดิบลงอีกกว่า 50,000 บาร์เรลต่อวัน ในเดือน ธ.ค. 66 เพิ่มเติมจากระดับ 0.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน ที่เคยมีมติไว้ก่อนหน้านี้ เพื่อสนับสนุนระดับราคาน้ำมันดิบโลก 

 

 

 

 


 

- ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ คาดการณ์ว่าจะปรับลดลงจากความต้องการใช้น้ำมันที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากโรงกลั่นเริ่มกลับมาจากการปิดซ่อมบำรุงและเพิ่มกำลังการกลั่นเพื่อรองรับความต้องการใช้น้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดย สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) รายงานปริมาณการกลั่นน้ำมันดิบของสหรัฐฯ สำหรับสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 15 ธ.ค. 66 ปรับเพิ่มขึ้นมาสู่ระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือนที่ราว 16.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน

-  เศรษฐกิจน่าติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ตัวเลขทางเศรษฐกิจที่สำคัญของจีน ได้แก่ ตัวเลขอุตสาหกรรม PMI เดือน ธ.ค. 66 และตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ ได้แก่ รายงานยอดขายบ้านใหม่เดือน พ.ย. 66
 

สรุปสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์ที่ผ่านมา (18 - 22 ธ.ค. 66)

ราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับเพิ่มขึ้น 2.13 ดอลลลาร์สหรัฐฯ มาอยู่ที่ 73.56 ดอลลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เช่นเดียวกันกับราคาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ปรับเพิ่มขึ้น 2.52 ดอลลลาร์สหรัฐฯ มาอยู่ที่ 79.07 ดอลลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบดูไบปิดเฉลี่ยอยู่ที่ 79.08 ดอลลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เนื่องจากตลาดยังคงกังวลการโจมตีเรือบรรทุกสินค้าโดยกองกำลังฮูตีในทะเลแดง โดยเส้นทางทะเลแดงถูกใช้ในการขนส่งน้ำมันเป็นเส้นทางหลัก ส่งผลกระทบต่อการขนส่งสินค้าทางเรือ มีผลให้บริษัทมันรายใหญ่ หยุดการขนส่งน้ำมันผ่านทะเลแดง และปรับเปลี่ยนเส้นทางการขนส่ง และมีค่าใช้จ่ายในการบรรทุกสินค้าทางเรือสูงขึ้น นอกจากนี้เศรษฐกิจโลกได้รับแรงสนับสนุนหลังอัตราเงินเฟ้ออังกฤษ เดือน พ.ย. 66 ลดลงสู่ ระดับ 3.9% น้อยกว่าเดือน ต.ค.66 ที่ระดับ 4.6%โดยต่ำที่สุดในรอบ 2 ปี บ่งชี้ถึงความกังวลทางเศรษฐกิจที่น้อยลง และอาจสนับสนุนความต้องการใช้น้ำมันให้ปรับตัว สูงขึ้นในยุโรป อย่างไรก็ตาม ตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 15 ธ.ค. 66 ปรับเพิ่มขึ้นกว่า 2.9 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 443.7 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะปรับลดลงราว 2.3 ล้านบาร์เรล