วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก CPI ตามคาด

ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,373.92 จุด -7.07 จุด -0.51% มูลค่าการซื้อขาย 35,314 ลบ. Program Trading -961.46 ลบ. ต่างชาติ -768.40 ลบ. TFEX -22,511 สัญญา ตราสารหนี้ -555.30 ลบ.

ปัจจัยบวก    

+ ดัชนีดาวโจนส์ปิด +173.01 จุด หรือ +0.48% หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อชะละตัวสอดคล้องคาดการณ์ ขณะที่นักลงทุนจับตาผลการประชุมนโยบายการเงินของสหรัฐ (เฟด) ในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ
+ สหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคประจำเดือนพ.ย. โดยดัชนี CPI ทั่วไป + 3.1%YoY ในเดือนพ.ย. ดัชนี CPI พื้นฐาน +4.0%YoY สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
+ สมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติผ่านมติแบบไม่มีผลผูกพันเรียกร้องให้หยุดยิงในฉนวนกาซาทันทีเพื่อเหตุผลด้านมนุษยธรรม ผลโหวตเห็นชอบ 153 ประเทศ ขณะที่สหรัฐ อิสราเอล และอีก 8 ประเทศโหวตคัดค้าน
+ ผลการสำรวจของสำนักข่าว CNBC พบว่านักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในกลางปีหน้า ช่วงเดือนมิ.ย.-ก.ค. 2567

ปัจจัยลบ 

- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปิดร่วงลง 2.71 ดอลลาร์ หรือ -3.8% ปิดที่ 68.61 ดอลลาร์/บาร์เรล แตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 6 เดือนจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปสงค์น้ำมันที่ชะลอตัว
- FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่านักลงทุนลดน้ำหนักคาดการณ์ว่า FED จะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมี.ค. 2567 และเพิ่มน้ำหนักให้กับการคาดการณ์ที่ว่า FED จะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนพ.ค. 2567 (ช้ากว่าเดิม)
- สภาผู้ส่งออกคาดว่าการส่งออกปี 2566 จะหดตัว 1.5-1% จากปัจจัยลบทั้งเศรษฐกิจทั่วโลกชะลอตัว ภาวะสงครามที่ยืดเยื้อ อัตราดอกเบี้ยทั่วโลกยังคงสูง ดัชนีภาคการผลิตมีแนวโน้มหดตัวในบางตลาด ต้นทุนภาคการผลิตไม่แน่นอน แต่ปี 2567 มีโอกาสกลับมาเติบโตประมาณ 1-2%
 

- ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2566 เหลือ 2.5% จากเดิม 3.0% จากเศรษฐกิจโลกโดยเฉพาะเศรษฐกิจจีนชะลอตัวและปัญหาด้านอสังหาริมทรัพย์ในจีนที่ส่งผลลบกับอุปสงค์ภายในประเทศ

แนวโน้มตลาดวันนี้  

ดัชนีได้แรงหนุนจากดัชนีเงินเฟ้อของสหรัฐที่ชะลอตัวลงสู่ 3.1% ตามที่ตลาดคาดไว้ อีกทั้งนักลงทุนคาดว่าการประชุมเฟดในคืนนี้จะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ 5.25-5.50% อย่างไรก็ตามราคาน้ำมันที่ปรับตัวลงและ Fund Flow นักลงทุนต่างประเทศที่มีสถานะขายต่อเนื่องใน 4Q66 ราว 4.1 หมื่นลบ.ยังเป็นปัจจัยกดดันต่อดัชนี มองกรอบดัชนีในวันนี้ 1,360-1,380 จุด

กลยุทธ์การลงทุน    

• Easy E-Receipt : BJC CPALL CPAXT CRC CPN COM7 SPVI CPW JMART HMPRO DOHOME GLOBAL ZEN M AU TNP KK
• หุ้นที่มี ESG สูง และอยู่ใน SET50 : ADVANC CPALL CPF CRC OR PTTEP TOP
• ยอดส่งออกเดือน ต.ค. เติบโต : ITC AAI CH PDJ NRF XO
• ราคาถ่านหินปรับตัวขึ้น 27% จากเดือน พ.ย. : BANPU LANNA AGE

 

หุ้นรายงานพิเศษ

BEM (Bloomberg Consensus 10.55 บาท)
รายงานกำไร 3Q66 ตามคาด

•รายงานกำไร 970 ลบ. เติบโต 8%QoQ และเติบโต 12%YoY โดยมีรายได้ 4.18 พันลบ. เติบโต 21%YoY และเติบโต 7%QoQ โดยรายได้ธุรกิจทางพิเศษ ระบบราง และพัฒนาเชิงพาณิชย์เติบโต 5%YoY 22%YoY และ 15% ตามลำดับ ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้น 3Q66 อยู่ที่ 42.8% ลดลงจาก 44.0% ใน 2Q66 เนื่องจากค่าตัดจำหน่ายสิทธิในการใช้ประโยชน์บนงานก่อสร้างทางด่วน และค่าซ่อมแซมและค่าบำรุงรักษารวมถึงค่าตอบแทนใน รฟม. ในสัญญาที่เพิ่มขึ้น ขณะที่มีกำไร 9M66 ที่ 2,620 ลบ. เติบโต 43%YoY และคิดเป็น 75% ของประมาณการกำไรปี 66 จาก Bloomberg

•ความเห็น เรามีมุมมองบวกต่อผลประกอบการ 4Q66 เนื่องจากเป็น High Season ในการเดินทางท่องเที่ยวส่งผลให้ปริมาณการใช้รถในธุรกิจทางพิเศษเพิ่มขึ้น และธุรกิจระบบรางมีปริมาณคนใช้บริการเพิ่มขึ้นตามการพัฒนาอสังหาฯ ตามแนวรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี 67 จะมีโครงการใหม่ทั้ง Bangkok One และ Dusit Central Park ที่จะแล้วเสร็จ เราจึงแนะนำ “ซื้อ”

หุ้นมีข่าว

(+) NEX (Bloomberg consensus 14.50 บาท) รับอานิสงส์กระแสอีวีมอเตอร์เอ็กซโปแรง เชื่อจากนี้เติบโตอย่างมาก ประเดิมจัดแสดงรถกระบะไฟฟ้า (อีวี) มียอดจองทันที 229 คัน สูงเกินเป้า รุ่น 2 ประตูมาแรง ลูกค้านำต่อยอดรถขนส่ง ชี้ตลาดใหญ่โอกาสสูง วางแผนปี 2567 โตโดดเท่าตัวจากปีนี้ (ที่มา ทันหุ้น)

(+) OR (Bloomberg consensus 22.00 บาท) คืบหน้าธุรกิจโรงแรม ตอบโจทย์ผู้เดินทาง คาด 4-5 เดือนชัดเจน แย้มอยู่ระหว่างมีโรงแรมต้นแบบออกมาราว 5-10 แห่ง พร้อมศึกษาธุรกิจความงาม หลัง MOU กับพันธมิตรเกาหลีใต้และญี่ปุ่น ล่าสุด ทุ่ม 600 ล้านบาท เปิดตัวพีทีที สเตชั่น แฟลกชิป วิภาวดี 62 พื้นที่ 80% เป็น OR SPACE คอมมูนิตี้เพื่อชุมชน สิ่งแวดล้อม เป้าปี 2573 มีหัวชาร์จอีวีไม่ต่ำกว่า 7 พันหัวจ่าย (ที่มา ทันหุ้น)

(+) BBIK (Bloomberg consensus 123.00 บาท) กางแผนงานปี 2567 รายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 50% จากปีก่อน เดินหน้าขยายตลาดใหม่ในต่างแดนเพิ่ม พร้อมเล็งลงทุนต่อยอดธุรกิจ ฟากผู้บริหารมั่นใจผลงานปี 2566 โตตามเป้าปั๊มรายได้ทะลุ 120% มากกว่า 1.2 พันล้านบาท พร้อมย้ายเข้า SET ปี 2568 (ที่มา ทันหุ้น)

(+) GFPT (Bloomberg consensus 13.45 บาท) มองยอดขาย-กำไรขั้นต้นโค้งสุดท้ายเติบโตดีกว่างวดไตรมาส 3/2566 ที่ผ่านมา หนุนจากราคาผลิตภัณฑ์ในประเทศสูงขึ้น และปริมาณการส่งออกที่ดีขึ้น สวนทางต้นทุนอาหารสัตว์ที่ปรับตัวลง มั่นใจยอดขายทั้งปี 2566 เติบโต 5-8% ตามเป้า เล็งขยายฐานตลาดช่วงครึ่งหลังปี 2567 หลังโรงเชือดแห่งใหม่สร้างเสร็จพร้อมดำเนินการ (ที่มา ทันหุ้น)