วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ SHR กำไรสุทธิใน 4Q66F น่าจะดีขึ้น QoQ

แม้ว่าโรงแรมบางทำเลที่แนวโน้มชะลอตัวในเดือนตุลาคม แต่ผู้บริหารของ SHR คาดรายได้ต่อห้องต่อคืน (RevPar) ใน 4Q66F จะเพิ่มขึ้น QoQ เล็กน้อย โดยมีปัจจัยหนุนจากโรงแรมในประเทศไทย มัลดีฟส์ และมอรริเซียส ทั้งนี้ โรงแรมในประเทศไทยจะกลับมาดำเนินธุรกิจได้เต็มที่ในเดือนธันวาคมนี้ หลังจากที่โรงแรม SAii ที่ภูเก็ตและหมู่เกาะพีพีเสร็จสิ้นการปิดปรับปรุงในเฟส 1 ซึ่งห้องที่ผ่านการปรับปรุงใหม่จะมีรายได้เฉลี่ยต่อวัน (ADR) เพิ่มขึ้น 20-25% ส่วนการปิดปรับปรุงตกแต่งใหม่เฟส 2 ของโรงแรมที่ภูเก็ตจะอยู่ช่วงเดือนเมษายน-ธันวาคม 2567 และโรงแรมหมู่เกาะพีพีจะอยู่ช่วงเดือนเมษายน-ธันวาคม 2568 สำหรับโรงแรมที่มอริเซียสจะกลับมาเปิดดำเนินงานได้เต็มรูปแบบอีกครั้งในเดือนธันวาคมนี้หลังจากการปิดชั่วคราวเพื่อจัดการระบบน้ำให้ดีขึ้นมาตั้งแต่ 2Q66 สวนทางกับโรงแรมในอังกฤษและฟิจิที่อาจมี RevPar ต่ำลง QoQ จากปัจจัยฤดูกาล

ตั้งเป้าอัตราการเติบโตรายได้เพิ่มขึ้น 10-15% ในปี 2567F

SHR ยังเน้นการใช้กลยุทธ์หมุนเวียนสินทรัพย์ (asset rotation strategy) ของพอร์ตโรงแรมที่อังกฤษโดยโรงแรมหลายแห่งในทำเลหลัก ๆ อย่างเช่น ที่ เลสเตอร์ เอดินเบิร์กและแมนเชสเตอร์จะมีการรีแบรนด์ ขณะที่ โรงแรมที่ผลการดำเนินงานอ่อนแอบางแห่งอาจจะถูกขายสินทรัพย์ออกไปและเปลี่ยนเป็นทุน เพื่อลดภาระหนี้หรือเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้สินทรัพย์ในทำเลหลักอื่น ๆ ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าหมายพอร์ตโดยรวมของอัตราการเติบโตรายได้จากภายใน (organic growth) ที่ 10-15% ในปี 2567F และยังคงมุ่งแสวงหาโอกาสในการควบรวม ( M&A) ในประเทศใหม่ๆ เพิ่มขึ้น สำหรับกลยุทธธุรกิจในระยะยาว SHR จะให้ความสำคัญในการพัฒนาสินทรัพย์ในช่วง 2 ปีต่อจากนี้ และเพิ่มกลยุทธ์ในการขยายพอร์ตในกลุ่มโรงแรมให้มากขึ้นในอีก 5 ปีข้างหน้า

 

 

คาดหวังการฟื้นตัวใน 4Q66F 

เรายืนยันมุมมองว่ากำไรของ SHR จะฟื้นตัวใน 4Q66F หนุนจากการกลับมาดำเนินธุรกิจได้เต็มรูปแบบของโรงแรมทั้ง 2 แห่งในประเทศไทยและอีกหนึ่งโรงแรมที่มอริเซียส อย่างไรก็ตาม เรายังมีความเป็นห่วงต่อผลการดำเนินงานในระยะกลางเนื่องจาก SHR มีภาระรายจ่ายดอกเบี้ยสูง การแข่งขันสูงของโรงแรมที่มัลดีฟส์และมีแผนการปิดโรงแรมชั่วคราวเพื่อปรับปรุงตกแต่งใหม่จนถึงปี 2568F ส่วนการเปิดโรงแรมร่วมทุนแห่งใหม่ที่ มัลดีฟส์ (SO/Maldives) บริษัทตั้งเป้าถึงจุดคุ้มทุนในระดับ EBITDA ในปี 2567F และทำกำไรสุทธิได้ในปี 2568F-2569F โดยรวมแล้ว เราคงประมาณการกำไรปกติอยู่ที่ 23 ล้าน
บาทในปี 2566F และ 104 ล้านบาทในปี 2567F

Valuation & action

เราคงคำแนะนำถือ ราคาเป้าหมายปี 2567 ที่ 3.26 บาท (อิงจาก EV/EBITDA ที่ 11.8x เท่ากับ -0.5S.D.)

Risks

เกิดสถานการณ์ภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว การแข่งขันสูง และการเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ย