วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก ต่างชาติพลิกซื้อสุทธิ

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก ต่างชาติพลิกซื้อสุทธิ

วันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ดัชนีเคลื่อนไหว sideway up ต่อเนื่อง เป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นต่างประเทศ จากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่ชะลอตัวลง

และจากเงินบาทที่ชะลอการอ่อนค่า มาอยู่ที่บริเวณ 36.41 บาท/ดอลลาร์ ทำให้เม็ดเงิน Fund Flow จากต่างประเทศเข้าซื้อสุทธิในตลาดหุ้นและตลาดตราสารหนี้ไทย โดยแรงซื้อกระจายตัวในหุ้น Big Cap. ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,455.99 จุด +21.54 จุด +1.50% มูลค่าการซื้อขาย 53,305 ลบ. ต่างชาติ +2,916.46 ลบ. TFEX +21,989 สัญญา ตราสารหนี้ +17,126.72 ลบ.

ปัจจัยบวก    

+ ดัชนีดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 65.57 จุด หรือ +0.19% โดยตลาดได้แรงหนุนจากการชะลอตัวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ และรายงานการประชุมเฟด ซึ่งบ่งชี้ว่ากรรมการเฟดส่วนหนึ่งสนับสนุนให้ยุติการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
+ นางเยลเลน รมว.คลังสหรัฐกล่าวในการประชุมประจำปีของ สภาผู้ว่าการ IMF ว่าการทำสงครามระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสไม่มีแนวโน้มที่จะส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อเศรษฐกิจโลก
+ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีปรับตัวลงมาอยู่ที่ระดับ 4.581% เมื่อคืนนี้ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์
+ ธปท. เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวได้ต่อเนื่องในปี 67 คาดจะขยายตัว 4.4% รวมผลมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐไปแล้ว โดยเฉพาะเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาทที่จะใช้วงเงิน 560,000 ล้านบาท
+ การประชุมบอร์ด BOI นัดแรกเห็นชอบส่งเสริมโครงการลงทุน 6 โครงการ มูลค่าลงทุนรวม 41,086 ล้านบาทเป็นไปตามนโยบายให้ความสำคัญกับ 5 อุตสาหกรรมยุทธศาสตร์ที่จะผลักดันประเทศไทยไปสู่เศรษฐกิจใหม่ได้แก่ อุตสาหกรรมกลุ่ม BCG (เกษตร อาหาร การแพทย์ และพลังงานสะอาด) อุตสาหกรรมยานยนต์ (โดยเฉพาะยานยนต์ไฟฟ้า) อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ (โดยเฉพาะต้นน้ำและอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ) อุตสาหกรรมดิจิทัลและสร้างสรรค์ และการส่งเสริมให้ไทยเป็นศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศ

ปัจจัยลบ 

 

- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 2.48 ดอลลาร์ หรือ -2.9% ปิดที่ 83.49 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากซาอุดีอาระเบียผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ให้คำมั่นว่าจะพยายามป้องกันการลุกลามของสถานการณ์การสู้รบในตะวันออกกลาง รวมทั้งจะสร้างเสถียรภาพในตลาดน้ำมัน ทำให้ความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบด้านอุปทานน้ำมันลดน้อยลง ขณะที่รมว.คลังสหรัฐยืนยันว่าสหรัฐยังไม่มีแผนผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตรการส่งออกน้ำมันของอิหร่าน
- ประธานาธิบดีสหรัฐยืนยันว่ามีชาวอเมริกันรวมอยู่ในกลุ่มประชาชนที่ถูกกลุ่มฮามาสจับไปเป็นตัวประกันในการโจมตีอิสราเอล พร้อมประณามเหตุการณ์ดังกล่าวด้วยอารมณ์โกรธ และแสดงความชัดเจนว่า เขาคาดหวังให้อิสราเอลทำการตอบโต้อย่างรุนแรง
- ดัชนี PPI ทั่วไป (Headline PPI) ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 2.2%YoY ในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 5 เดือน และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.6% จากระดับ 2.0% ในเดือนส.ค.

แนวโน้มตลาดวันนี้  

คาดดัชนีในวันนี้มีโอกาส Rebound ต่อเนื่อง หลังรายงานการประชุมเฟด ซึ่งบ่งชี้ว่ากรรมการเฟดส่วนหนึ่งสนับสนุนให้ยุติการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ประกอบกับเม็ดเงิน Fund Flow ของนักลงทุนต่างชาติเริ่มพลิกกลับมาซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทย คาดกรอบดัชนีในวันนี้ที่ 1,450-1,465 จุด

กลยุทธ์การลงทุน  

• หุ้นที่ได้รับประโยชน์มาตรการลดค่าไฟฟ้าตามมติครม. : HMPRO GLOBAL DOHOME CPALL CPAXT CRC
• นโยบายแจกเงินดิจิทัลคนละ 10,000 บาท : HMPRO ILM COM7 CPALL CPAXT CRC TNP KK
• กนง.ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย : BBL KBANK SCB KTB
• หุ้นเด่น IAA : ADVANC AOT BDMS CPALL TOP
• น้ำมันขึ้นจากสงคราม : PTTEP SPRC BCP ESSO

 

 

หุ้นรายงานพิเศษ  

TISCO - (Bloomberg Consensus 108 บาท)
"3Q66 กำไร +1%QoQ +6%YoY"

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก ต่างชาติพลิกซื้อสุทธิ

•งวด 3Q66 รายงานกำไร 1,875 ล้านบาทใกล้เคียงกับคาดการณ์ของ consensus +1%QoQ +6%YoY เนื่องจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ +4%QoQ +10%YoY ตามการขยายตัวของสินเชื่อ +8.7%YoY +5.8%YTD จากสินเชื่อธุรกิจ สินเชื่อจำนำทะเบียน และสินเชื่อเช่าซื้อรถมือสอง ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) 5.14% ปรับดีขึ้นจาก 5.02% ใน 2Q66 ทรงตัว YoY รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย +4%QoQ แต่ -5%YoY จากธุรกิจหลักทรัพย์ชะลอตัวตามปริมาณการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์  ธุรกิจนายหน้าประกันภัยฟื้นตัวช้า และมีผลขาดทุนจากมูลค่ายุติธรรมของสินทรัพย์ทางการเงินเพิ่มขึ้น งวด 9M66 มีกำไรสุทธิ 5,521 ล้านบาท +2%YoY คิดเป็น 74% ของประมาณกำไรปี 66 โดย Bloomberg Consensus เฉลี่ย 7,417 ล้านบาท +3%YoY

•%NPL 2.25% ที่เพิ่มขึ้นจาก 2.2% ใน 2Q66 ส่งผลให้ผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (ECL) +132%QoQ +24%YoY จากการตั้งสารองฯรองรับความเสี่ยงในกลุ่มสินเชื่อรายย่อยจากภาระหนี้ครัวเรือนที่สูงขึ้น อย่างไรก็ดี Coverage Ratio ยังอยู่ในระดับสูงที่ 205.8% จึงไม่น่ากังวลด้านคุณภาพสินทรัพย์

ความเห็น เราแนะนำถือลงทุนระยะยาวจากปัจจัยพื้นฐานที่ดีในระยะยาว และ consensus คาด yield เฉลี่ย 7-8% ต่อปี

 

หุ้นมีข่าว

(+) CPAXT (Bloomberg consensus 37.00 บาท) โดดร่วม หลังรัฐบาลเตรียมเปิดลงทะเบียนร้านค้าที่ประสงค์ร่วมโครงการรับเงินดิจิทัล 10,000 บาท ช่วงพฤศจิกายน 2566 ดันรายได้เติบโต วางหมากปี 2567 ยอดขายโตราว 20% จากปีนี้ ใช้โมเดลไฮบริดผสานแม็คโคร โลตัส ใช้เทคโนโลยีร่วม มั่นใจโค้งท้ายปีนี้ผลงานดี (ที่มา ทันหุ้น)

(+) WHA (Bloomberg consensus 5.60 บาท) เผยลูกค้าจีนเรียงคิวซื้อที่รวมเกือบ 800 ไร่ คาดได้เห็นความชัดเจนปลายปี 2566 อย่างน้อย 1 ดีล อวดแบ็กล็อกในมือหนากว่า 1 พันไร่ คาดกว่าครึ่งจะส่งมอบในช่วงที่เหลือปีนี้ พร้อมขยับเป้ายอดขายที่ดินสิ้นปีนี้พุ่ง 2.75 พันไร่ มั่นใจผลงานทำ All Time High (ที่มา ทันหุ้น)

(+) SIRI (Bloomberg consensus 2.22 บาท) ล็อกเป้าผลงานปี 2566 กำไรพุ่งนิวไฮ ทุบสถิติใหม่ในรอบ 39 ปี หลังแนวโน้มกำไรรอบ 9 เดือน คาดทำผลงาน Hit the Target ทะลุเท่าปีก่อนไปเรียบร้อยแล้ว ลุยไตรมาสสุดท้าย เตรียมเปิด 22 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 36,000 ล้านบาท แบ่งเป็น 9 คอนโดมิเนียม มูลค่ารวม 12,400 ล้านบาท และ 13 โครงการแนวราบ มูลค่ารวม 23,600 ล้านบาท รองรับความต้องการทุกเซ็กเมนต์ (ที่มา ทันหุ้น)

(+) BANPU (Bloomberg consensus 9.00 บาท) ส่ง บ้านปู เน็กซ์ เข้าถือหุ้น 40% ในบริษัท เอส โวลต์ เอเนอร์จี้ เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด หรือ SVOLT Thailand โดยมีมูลค่าการลงทุน 750 ล้านบาท หวังเดินหน้าลุยธุรกิจผลิตแบตเตอรีต่อยอดเทคโนโลยีพลังงาน ขับเคลื่อนเป้าหมายด้าน Net-Zero และเปิดโอกาสเพื่อรองรับความต้องการที่เติบโตขึ้นในประเทศไทย (ที่มา ทันหุ้น)