วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก บอนด์ยีลด์ทุบตลาด

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก บอนด์ยีลด์ทุบตลาด

วันอังคารที่ผ่านมา ดัชนีเปิดลงในแดนลบ โดยปรับตัวลงราว -22 จุด และยังไม่สามารถฟื้นตัวได้ นักลงทุนกังวลในการที่เฟดคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูง เป็นเวลานาน แรงขายกระจายตัวในหลาย Sector เช่น หุ้นกลุ่มพลังงานที่ปรับตัวลงตามราคาน้ำมัน กลุ่มค้าปลีก ไอซีที เป็นต้น

โดยค่าเงินบาทยังคงอ่อนค่าต่อเนื่อง บริเวณ 37.1 บาทต่อดอลลาร์ เป็นปัจจัยกดดันให้เงินทุนไหลออก ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,447.30 จุด -22.16 จุด -1.51% มูลค่าการซื้อขาย 60,385 ลบ.ต่างชาติ -4,440.48 ลบ. TFEX -12,768 สัญญา ตราสารหนี้ -2,548.68 ลบ.

ปัจจัยบวก

+ สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดเพิ่มขึ้น 41 เซนต์ หรือ +0.5% ปิดที่ 89.23 ดอลลาร์/บาร์เรล ได้แรงหนุนจากภาวะอุปทานน้ำมันตึงตัวช่วยพยุงราคาน้ำมันดีดตัวขึ้นปิดบวก หลังร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์ในระหว่างวันจากผลกระทบของดอลลาร์ที่แข็งค่า
+ ครม.อนุมัติงบประมาณผูกพันข้ามปีงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไปให้กับ 8 หน่วยงานรวมวงเงิน 302,327.99 ล้านบาท โดยกระทรวงที่เสนอขอมากที่สุด ได้แก่ กระทรวงคมนาคมจำนวน 53 โครงการวงเงิน 143,803 ล้านบาทตั้งแต่ปี 2566-2576
+ ครม.ไฟเขียวตั้งบอร์ด "ดิจิทัล วอลเล็ต" นายกรัฐมนตรีนั่งเป็นประธานกำหนดประชุมนัดแรกสัปดาห์นี้
+ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารายงานจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติระหว่าง 1 ม.ค. - 1 ต.ค. 2566 ทะลุ 20 ล้านคนแล้ว เพิ่มขึ้น 250%YoY สร้างรายได้ 8.4 แสนล้านบาท 5 อันดับแรก ได้แก่ มาเลเซีย จีน เกาหลีใต้ อินเดีย และรัสเซีย
 

ปัจจัยลบ

- ดัชนีดาวโจนส์ปิดลดลง 430.97 จุด หรือ -1.29% ตลาดได้รับแรงกดดันจากเปิดเผยการเปิดเผยตัวเลขเปิดรับสมัครงานของสหรัฐสูงกว่าคาดทำให้ตลาดกังวลว่า FED จะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงเป็นเวลานาน อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปีที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 16 ปี และการแข็งค่าของดอลลาร์ที่จะส่งผลกระทบต่อกำไรของบจ.ที่มีรายได้จากต่างประเทศ

- นักลงทุนเพิ่มน้ำหนักในการคาดการณ์ว่า FED จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยก่อนสิ้นปี 2566 ในการประชุมเดือนพ.ย.หรือธ.ค. FedWatch Tool บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 34.9% (จากเดิม 16.4%) ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนพ.ย. และให้น้ำหนัก 40.5% (จากเดิม 33.5%) ที่ FED จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนธ.ค.
- ธปท.ระบุว่าเงินบาทเคลื่อนไหวผันผวนมากขึ้นและอ่อนค่าผ่านระดับ 37 บาทต่อดอลลาร์ คิดเป็นอ่อนค่าลง 6.75%YTD สอดคล้องกับค่าเงินในภูมิภาคจากการแข็งค่าของเงินดอลลาร์ ราคาทองคำที่ลดลงต่ำสุดในรอบ 7 เดือน และราคาน้ำมันเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบปี ซึ่งอาจกระทบต่อดุลบัญชีเดินสะพัด ประกอบกับ นักลงทุนยังรอความชัดเจนของนโยบายการคลังและการระดมทุนของภาครัฐ
- สรท.ปรับลดเป้าส่งออกปีนี้เหลือ -1.5% ถึง -1% จากเดิม -0.5 ถึง 1% ตามภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว ประเมินการส่งออก 4Q66 ยังต้องเผชิญความเสี่ยงเพียบโดยเฉพาะเศรษฐกิจโลกและคู่ค้าสำคัญของไทย

 

แนวโน้มตลาดวันนี้    

คาดดัชนีในวันนี้มีโอกาสอ่อนตัวลงต่อจาก Fund Flow ยังไหลออกจากไทยต่อเนื่องส่งผลให้เงินบาทอ่อนค่าสู่ 37.06 บาทต่อดอลลาร์ อีกทั้งดาวโจนส์ปรับตัวลงกว่า 430 จุดจากความกังวลอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปีแตะระดับสูงสุดในรอบ 16 ปีที่ 4.81% เป็นปัจจัยกดดันดัชนีเพิ่มเติม มองกรอบดัชนีในวันนี้ที่ 1,430-1,455 จุด

 

กลยุทธ์การลงทุน

• หุ้นที่ได้รับประโยชน์มาตรการลดค่าไฟฟ้าตามมติครม. : HMPRO GLOBAL DOHOME CPALL CPAXT CRC
• หุ้นที่ได้รับประโยชน์นโยบายฟรีวีซ่า : AOT CENTEL ERW SPA RP AU
• นโยบายแจกเงินดิจิทัลคนละ 10,000 บาท : HMPRO DOHOME GLOBAL ILM COM7 CPALL CRC MAKRO TNP KK
• หุ้นเสียประโยชน์จากลดค่าไฟฟ้า : GPSC BGRIM EA SSP
• กนง.ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย : BBL KBANK SCB KTB
• หุ้นเด่น IAA : ADVANC AOT BDMS CPALL TOP

 

หุ้นรายงานพิเศษ  

SISB - ซื้อเมื่ออ่อนตัว
(Bloomberg Consensus 42.00 บาท)

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก บอนด์ยีลด์ทุบตลาด

•รายงานกำไร 2Q66 ที่ 155 ลบ. -2%QoQ แต่เติบโต 99%YoY ขณะที่รายได้อยู่ที่ 431 ลบ. -1%QoQ แต่เติบโต 40%YoY เนื่องจากปี 65 ยังมีการแพร่ระบาดของ COVID-19 ทำให้นักเรียนยังเรียนทั้งแบบ online และ onsite ด้านอัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวขึ้นจาก 55.7% ใน 1Q66 สู่ 57.0% ใน 2Q66 เนื่องจากจำนวนนักเรียนที่เพิ่มขึ้นจาก 3,284 คนสู่ 3,395 คนทำให้เกิด Economies of Scales

•ผู้บริหาร ปรับเพิ่มเป้าจำนวนนักเรียนจาก 3,700 คนเป็น 4,100 คนโดยได้แรงหนุนจากการเปิดโรงเรียนสาขานนทบุรีและระยองตั้งแต่เดือน ส.ค. 66 ที่ผ่านมาช่วยหนุนจำนวนนักเรียนใน 3Q66 อีกทั้งอยู่ระหว่างปรับปรุงโรงเรียนสาขาประชาอุทิศ และสาขาเชียงใหม่ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน 1Q67 ช่วยให้รับนักเรียนได้เพิ่มอีก 300 คนต่อสาขา นอกจากนี้ผู้บริหารกำลังศึกษาการเปิดโรงเรียนเอกชน 2 ภาษาในราคา 50% ของค่าเล่าเรียนโรงเรียน SISB เพิ่มเติมเพื่อต่อยอดการเติบโตในอนาคต

•ความเห็น เราแนะนำ “ซื้อเมื่ออ่อนตัว” เนื่องจากคาดว่าผลประกอบการ 3Q66 จะต่ำที่สุดในปีนี้ เนื่องจากจะมีค่าใช้จ่าย write off ราว 40 ลบ. (ค่าใช้จ่ายด้านบุคลากร ค่าใช้จ่ายก่อนการเปิดดำเนินงาน เป็นต้น) จากโรงเรียนที่เปิดใหม่ทั้ง 2 สาขา ทำให้ผลประกอบการ 3Q66 จะต่ำที่สุดในปีนี้และฟื้นตัวตั้งแต่ 4Q66 เป็นต้นไป

 

หุ้นมีข่าว

(+) BGRIM (Bloomberg consensus 44.00 บาท) จ่ายไฟ โรงไฟฟ้าอ่างทอง 2 แล้ว 140 เมกะวัตต์ จำหน่ายให้ กฟผ. 90 เมกะวัตต์ ยาว 25 ปี สัญญาให้ส่งผ่านต้นทุนได้ เตรียมจ่ายไฟอ่างทอง 3 อีก 140 เมกะวัตต์ ธันวาคมนี้ ชูปั๊มกระแสเงินสดเพิ่ม พร้อมเดินหน้า ยุทธศาสตร์ "GreenLeap" ลุยพลังงานสะอาดไทย-เทศเพียบ ปรับปรุงประสิทธิภาพ ลดการใช้เชื้อเพลิง (ที่มา ทันหุ้น)

(+) MGC (Bloomberg consensus 12.20 บาท) เปิดตัว "โรลส์-รอยซ์ สเปกเตอร์ ยานยนต์ไฟฟ้า 100%" อัพฐานธุรกิจขายรถหรูเพิ่ม คาดเริ่มส่งมอบคันแรก Q4/2566 หวังสร้างยอดขายหนุนรายได้จากการจำหน่ายรถยนต์หรูเพิ่มขึ้น พร้อมยืนเป้าปีนี้รายได้ทะยาน 10% จากปีก่อน แถมมองรัฐบาลชุดใหม่ หนุนภาพรวมของเศรษฐกิจฟื้นตัว (ที่มา ทันหุ้น)

(+) FORTH (Bloomberg consensus 30.00 บาท) เผยธุรกิจ EMS รอการอนุมัติไฟลิ่ง เดินหน้าเข้าตลาดหุ้นภายในปี 2566 นี้ ระดมทุนขยายกิจการ ส่วนธุรกิจตู้เต่าบินยังทำรายได้ 6 ล้านบาทต่อวัน เป้าสู่ 2 หมื่นตู้ จากปัจจุบัน 7 พันตู้ ส่วนตู้ชาร์จไฟฟ้ากิ้งก่า ยังคงแผนขยาย 5 พันตู้ ดีมานด์รถยนต์ไฟฟ้าดีต่อเนื่อง ผู้ใช้งานมากขึ้น โอกาสเติบโตสูง พร้อมมีรัฐบาลใหม่เดินหน้าประมูลงานตามแผน คาดได้งานดันงานในมือเพิ่ม (ที่มา ทันหุ้น)

(+) SFLEX (Bloomberg consensus 5.55 บาท) เปิดแผนบันได 3 ขั้น หวังรับรู้เมกะเทรนด์ของการใช้บรรจุภัณฑ์ในตลาดโลก เพิ่มความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ ขยายตลาดสู่อาเซียน และเดินหน้าหาพาร์ตเนอร์ ตั้งเป้าหมายในปี 2570 จะมีรายได้พุ่งแตะระดับ 6,000 ล้านบาท แย้มแนวโน้มผลงานทั้งปีเข้าเป้า 1,800-1,850 ล้านบาท แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ (ที่มา ทันหุ้น)