วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ ตลาดยังมีโมเมนตัมเก็งกำไรเชิงบวก

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ ตลาดยังมีโมเมนตัมเก็งกำไรเชิงบวก

การเมืองเดินหน้าสู่ความชัดเจนแม้อาจผันผวนระหว่างทาง ผลการเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎรและรองประธานสภาฯ เป็นไปตามที่ตลาดคาด

กำหนดการจากนี้ คาดประชุมร่วม 2 รัฐสภา 13 ก.ค. และแต่งตั้งคณะรัฐมนตรี 21 ก.ค. และครม.ใหม่เข้าถวายสัตย์ปฏิญาณ ปลายก.ค. ซึ่งเร็วกว่ากำหนดการเดิมประมาณ 1 เดือน ปัจจัยดังกล่าวจะเป็นบวกต่อการใช้จ่ายภาครัฐและความเชื่อมั่นผู้บริโภค อย่างไรก็ตามการฟื้นตัวของตลาดหุ้น (SET Index) อาจผันผวนระหว่างทางโดยเฉพาะช่วงใกล้เลือกนายกรัฐมนตรี อย่างไรก็ตามเรายังคงมุมมองบวกต่อตลาดหุ้นไทยไม่ว่าภาพการเมืองหรือนายกรัฐมนตรี (ไปจนพรรคที่จะร่วมตั้งรัฐบาล) จะเปลี่ยนแปลงหรือไม่ก็ตาม
 

ภาพรวมผลประกอบการไตรมาส 2/66 ของกลุ่มสำคัญๆ 

•    ธนาคารพาณิชย์ คาดกำไร -6% QoQ, +8% YoY ชะลอลง QoQ เนื่องจากรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยชะลอลง แต่เพิ่มขึ้น YoY จากการตั้งสำรองที่ลดลง โดยคนที่มีแนวโน้มการเติบโตของกำไรในระดับสูงได้แก่ BBL, SCB, TTB

•    กลุ่มไฟฟ้า คาดผลประกอบการออกมาดี เนื่องจากต้นทุนก๊าซธรรมชาติที่ลดลง จะส่งผลบวกต่อกำไร โดยเฉพาะที่มีสัดส่วนการขายไฟให้ภาคอุตสาหกรรมสูง ได้แก่ GULF, BGRIM, GPSC อย่างไรก็ตาม ค่าเงินบาทที่อ่อนค่าอาจทำให้หุ้นที่มีการลงทุนโรงไฟฟ้าในต่างประเทศ อาจมีผลขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนได้ 

•    กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม คาดผลประกอบการไตรมาส 2/66 จะออกมาดี โดยเฉพาะจากธุรกิจสาธารณูปโภค เนื่องจากต้นทุนธุรกิจขายไฟฟ้าจะลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ขณะที่ค่า Ft ยัองอยู่ในระดับสูง จะผลักดันให้กำไรไตรมาสนี้โดดเด่น และไม่มีความเสี่ยงจาก FX มากเท่ากับหุ้นโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ 

•    กลุ่มประกัน อาจต้องระวังการผลกระทบต่อการตั้งสำรองการลงทุนในหุ้น/หุ้นกู้ของ STARK ที่น่าจะมีในบจ.หลายแห่ง โดยเฉพาะกลุ่มประกัน ทำให้กำไรอาจออกมาอ่อนแอ แต่จะเป็นโอกาสซื้อจากทิศทางค่าใช้จ่ายในการเคลมประกันที่เริ่มผ่านจุดแย่สุด
 

 

 

ภาพรวมกลยุทธ์: ยังคงมุมมอง ระยะ 1-2 สัปดาห์ มีโอกาสฟื้นจากการเมืองในประเทศที่ชัดเจนขึ้น ขณะที่ระยะกลาง 2-3 เดือน มีความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอกกดดันให้เกิด de-rating ทำให้ในเชิงกลยุทธ์ ต้องกลับมาเน้นหุ้นที่โมเมนตัมกำไรเป็นบวก / Valuation ไม่แพง / ปันผลสูง (มี 1 หรือหลายข้อนี้รวมกัน) 

หุ้นแนะนำ: SCB*, OR*, AMATA*, BJC*

แนวรับ: 1,505 / แนวต้าน : 1,525-1,550 จุด 

สัดส่วนลงทุน: เงินสด 40% vs พอร์ตหุ้น 60%


ประเด็นการลงทุนที่น่าสนใจ

ยอดการยื่นขอล้มละลายครึ่งปีแรกในสหรัฐพุ่ง – Epiq Bankruptcy เผยว่า ยอดการยื่นขอล้มละลายตามมาตราที่ 11 ของสหรัฐในช่วง 2H23 พุ่งขึ้น 68% yoy สะท้อนให้เห็นถึงจำนวนครอบครัวและธุรกิจจำนวนมากที่เผชิญกับภาระหนี้สินที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากอัตราดอกเบี้ย อัตราเงินเฟ้อ และต้นทุนการกู้ยืมที่สูงขึ้น

CPN-คิงเพาเวอร์-PLANB เมินยื่นประมูลบริหารพื้นที่เชิงพาณิชย์สถานีกลางบางซื่อ – รฟท. ได้ออกประกาศเชิญชวนเอกชนเสนอผลตอบแทน 2 สัญญา โดยในส่วนของสัญญาโครงการยื่นข้อเสนอเพื่อสิทธิการบริหารจัดการพื้นที่ติดตั้งป้ายโฆษณา บริเวณอาคารสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ มีผู้สนใจซื้อเอกสาร 2 ราย ได้แก่ 1. บมจ.แพลน บี มีเดีย (PLANB) 2. บริษัท คิง เพาเวอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด นั้น ปรากฎว่าไม่มีเอกชนเข้ายื่นซอง
 

 

 

บิ๊ก EV จีน พร้อมตั้งโรงงานผลิตเพื่อส่งออกในไทย – BOI นำทีมลัดฟ้าสู่ประเทศจีน พบผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) รายใหญ่ พร้อมนำคณะนักธุรกิจไทยเข้าร่วมงาน WCIF มหกรรมแสดงสินค้าที่สำคัญที่สุดของภูมิภาคตะวันตก 1 ใน 10 งานระดับชาติของจีน เปิดเวทีจับคู่ธุรกิจดึงดูดการลงทุนอุตสาหกรรมอีวี-พลังงานสะอาด คาดมีเม็ดเงินลงทุนเฟสแรก ประมาณ 9,000 ล้านบาท

แบงก์จีนลดดอกเบี้ยเงินฝากสกุลดอลลาร์รอบ 2 ในเดือนเดียว หวังสกัดหยวนอ่อนค่า - ธนาคารรายใหญ่ 5 แห่งของรัฐบาลจีน ทั้ง ICBC, BOC, ABC, CCB, BOCOM ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากสำหรับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 4.3% สู่ระดับ 2.8%

 

ประเด็นติดตาม: 5 ก.ค. – EU Services PMI, TH CPI / 6 ก.ค. – US ISM Non-Manufacturing PMI, Job Openings, Nonfarm Employment, Initial Jobless Claims 

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)