วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ เข้าสู่จุดเสี่ยงซื้อ

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ  เข้าสู่จุดเสี่ยงซื้อ

ความผันผวนของหุ้นไทยมีแนวโน้มลดลงหลังสัปดาห์นี้ ประเมินมีหลายปัจจัยที่ทำให้หุ้นขนาดกลางผันผวน วานนี้หุ้นไทยปรับลดลง 20.20 จุด (-1.34%) บรรยากาศซื้อขายโดยรวมเป็นลบทั้งจากระดับดัชนีที่ปรับลดลง และจากภาพหุ้นรายตัว

โดยมีหุ้นปิดบวกเพียง 75 หลักทรัพย์ (8.8%), ไม่เปลี่ยนแปลง 117 หลักทรัพย์ (14%) และปรับลดลง 658 หลักทรัพย์ (77%) ทั้งนี้เราประเมินสาเหตุที่ทำให้หุ้นผันผวนหนัก ได้แก่ 1) การขาดความเชื่อมั่นของนักลงทุน และข่าวลือหุ้นบางตัวอาจมีลักษณะเหมือน STARK 2) การหลุด SET50 ของหุ้น JMART และ JMT ที่จะมีผลหลัง 30 มิ.ย. ทำให้มีการปรับลดน้ำหนักการลงทุนของนักลงทุนสถาบัน 3) การปรับสถานะการลงทุนของนักลงทุนสถาบันและบลจ.ที่มีการถือครองหุ้น/หุ้นกู้ STARK ที่อาจมีการขายทำกำไรหุ้นอื่นออกมา เพื่อหักล้างผลขาดทุนที่เกิดขึ้น 4) การบังคับขาย (Forced sell) หลังราคาหลักทรัพย์หลายตัวปรับลดลงอย่างมาก 5) การไถ่ถอนหน่วนลงทุนของนักลงทุนรายย่อยที่กังวลสถานะขาดทุนของบลจ.ที่อาจเกิดขึ้นจากการลงทุนที่มีปัญหา // เราประเมินความผันผวนของหุ้นไทยที่เกิดมากกว่าตลาดโลกในช่วงสั้น สะท้อนปัจจัยลบเฉพาะตัวในประเทศไปแล้ว ทำให้หลังสัปดาห์นี้ (หลังปิดไตรมาส 2/66) เรามองภาพการลงทุนหุ้นไทยจะเริ่มเคลื่อนไหวมีเสถียรภาพมากขึ้น ประกอบกับผลประกอบการกลุ่มธนาคารโดยรวมที่ยังมีแนวโน้มที่ดี ทำให้มองหุ้นไทยมีโอกาสฟื้นตัวจากระดับ 1,466-1,475 จุด เรามองการลงต่อเป็นโอกาสซื้อ
 

มีโอกาสเกิด relief rally หลังการเมืองชัดเจน เรามองความชัดเจนทางการเมืองเป็นบวกและมีโอกาสหนุนให้ตลาดฟื้นตัวในระยะสั้น ด้วยความเป็นรัฐบาลผสมหลายพรรค เรามองมาตรการที่ตลาดกังวลหลายมาตรการ (โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับตลาดทุน) จะออกมาในลักษณะประนีประนอม และตลาดตอบรับมาตรการเชิงลบไปมากแล้ว เรามองนักลงทุนจะเริ่มมองในมุมบวก โดยเฉพาะผลดีของการขึ้นค่าที่มีต่อกำลังซื้อและการลดค่าไฟซึ่งจะส่งผลบวกต่อต้นทุน

ภาพรวมกลยุทธ์: ลงต่อเป็นโอกาสซื้อ ยังคงมุมมอง ระยะ 1-2 สัปดาห์ มีโอกาสฟื้นจากการเมืองในประเทศที่ชัดเจนขึ้น ขณะที่ระยะ 2 เดือน มีความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอกกดดันให้เกิด de-rating ทำให้ในเชิงกลยุทธ์ ต้องกลับมาเน้นหุ้นที่โมเมนตัมกำไรเป็นบวก / Valuation ไม่แพง / ปันผลสูง (มี 1 หรือหลายข้อนี้รวมกัน) 

หุ้นแนะนำ: AOT*, AWC*, SCB*, CPN*

แนวรับ: 1,466-1,475 / แนวต้าน : 1,500-1,530 จุด 

สัดส่วนลงทุน: เงินสด 40% vs พอร์ตหุ้น 60%
 

ประเด็นการลงทุนที่น่าสนใจ

S&P หั่นคาดการณ์ GDP จีน – โดยในปี 2566 GDP จะเติบโตที่ 5.2% ลดลงจากตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ระดับ 5.5% หลังจากจีนเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอในเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจจีนยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ในช่วงหลังโควิด-19 แพร่ระบาด โดยการลงทุนและภาคอุตสาหกรรมที่ชะลอตัวลงอย่างมาก

ดีเอสไอจ่อเชือด 3 ราย สมคบคิดทุจริต STARK - จับตา อดีตซีเอฟโอสตาร์คฯ และอดีตกรรมการ 4 บริษัท หลังล่าสุดมีรายงานเข้าพบให้ข้อมูลกับก.ล.ต.แล้ว ส่ออาจเข้าข่ายร่วมกระทำความผิดด้วยหรือไม่ ฟากตลท.เกิดความเสียหายทางบัญชีมูลค่ารวมกว่า 21,500 ล้านบาท

EA-NEX-BYD ร่วงยกแผง ยันส่งมอบเมล์อีวีตามแผน – รถเมล์ไฟฟ้าสาย 8 ถล่มหุ้น EA-NEX-BYD ร่วงยกกลุ่ม ด้านผู้บริหาร “เน็กซ์ พอยท์” แจงเกิดจากความผิดพลาดของพนักงาน ไม่เกี่ยวกับแบตเตอรี่ ยันส่งมอบรถเมล์ไฟฟ้า 3.1 พันคัน ให้ไทยสมายล์บัสตามแผนไม่เปลี่ยนแปลง

SAWAD คาด 'เงินสดทันใจ' ปิดจ๊อบภายใน Q2 - ผู้ถือหุ้น SAWAD ลงมติซื้อคืนหุ้น 'เงินสดทันใจ' มูลค่า 1.5 พันล้านบาท คาดซื้อคืนหุ้นเสร็จสิ้นภายใน Q2/66 พร้อมรวมงบการเงินของบริษัททันที ส่งผลให้ขนาดพอร์ตสินเชื่อรวมของบริษัทเติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ (ข่าวหุ้น) 

Opportunity day: 27 มิ.ย. – DPAINT, RP / 28 มิ.ย. – SIS, SELIC, PORT, SONIC, PLUS / 29 มิ.ย. – CAZ / 30 มิ.ย. – SPI, SPC, GLORY, SO, BLESS

 

ประเด็นติดตาม: 27 มิ.ย. - US Core Durable Goods, CB Consumer Confidence, New Home Sales, Builiding Permits / 28 มิ.ย. – Fed Chair Powell Speaks 

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)