เผื่อใจกับ กนง.ขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องและบาทที่อาจจะอ่อนต่ออีก 1-2 ไตรมาส

เผื่อใจกับ กนง.ขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องและบาทที่อาจจะอ่อนต่ออีก 1-2 ไตรมาส

STARK จะกลับมาทำการซื้อขายเป็นเวลา 1 เดือน หลังถูกพักการซื้อขายครบ 90 วัน จากประเด็นไม่สามารถนำส่งงบการเงิน ทำให้ตลาดหลักทรัพย์จะเปิดให้มีการซื้อขายชั่วคราว 30 วัน (1-30 มิ.ย.)

เรามีมุมมองเป็นลบต่อหุ้นที่จะกลับเข้าทำการซื้อขาย เนื่องจาก 1) การชี้แจงสาธารณะ (Public presentation) เมื่อ 30 พ.ค. ที่ผ่านมา ผู้บริหารไม่สามารถชี้แจงได้ในหลายจุด อาทิ อนาคตของธุรกิจ, จำนวนเงินเพิ่มทุนที่เหลือ (เนื่องจากไม่ได้นำไปซื้อกิจการตามแผน) 2) การประชุมผู้ถือหุ้นกู้ 31 พ.ค. มีหุ้นกู้บางชุด ไม่อนุมัติยกเว้นเหตุผิดนัดชำระ (จากการไม่ส่งงบการเงินตามกำหนด) ทำให้บริษัทจะถูกเร่งให้ชำระคืนหนี้ ซึ่งต้องติดตามว่าจะเกิดการ cross default (การผิดนัดชำระหนี้ของหุ้นกู้บางส่วน ที่ trigger ให้หุ้นกู้อื่นที่ยังไม่ถึงกำหนดชำระ สามารถเรียกร้องให้ชำระคืนเงินกู้) 3) มุมมองของนักลงทุนสถาบัน ซึ่งหากคณะกรรมการลงทุน (Investment committee) มีการปรับหุ้น STARK ออกจากหุ้นที่สามารถลงทุนได้ อาจทำให้เกิดแรงเทขายสถานะการลงทุนได้

 

กนง. ปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% สู่ 2.0% ด้วยคะแนนเสียงเอกฉันท์ แม้ตลาดจะมองดอกเบี้ยนโยบายของไทยอาจสูงสุดแล้ว แต่เรามีมุมมองระวังว่ากนง. อาจปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อ เนื่องจาก 1) การปรับขึ้นดอกเบี้ยด้วยเสียงเอกฉันท์ แสดงถึงโมเมนตัมความจำเป็นในการขึ้นดอกเบี้ย 2) ดอกเบี้ยแท้จริงของไทยยังติดลบ ซึ่งเลขานุการ กนง. ระบุในภาวะปกติดอกเบี้ยแท้จริงควรเป็นบวก ซึ่งเรามองเป็นการส่งสัญญาณดอกเบี้ยอาจต้องขยับขึ้นอีก 3) ส่วนต่างดอกเบี้ยนโยบายไทย-สหรัฐฯ ที่กว้างมาก จะกดดันการไหลออกของเงินทุน และทำให้เงินบาทอาจเคลื่อนไหวในทางอ่อนค่าในช่วง 1-2 ไตรมาสข้างหน้า
 

ภาพรวมกลยุทธ์: แกว่งตัวในกรอบ 1,526-1,547 ยังเน้น speculative buy กลุ่มที่น่าจะเห็นการฟื้นตัวได้ชัดเจนในปี 2566 และยังมีการถือครองที่ต่ำ (Underowned) ระวังความผันผวนของหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการเมืองและการเปลี่ยนแปลงขั้วอำนาจ // กลุ่มค้าปลีกและท่องเที่ยว ไม่ได้รับผลกระทบจากประเด็นการเมือง ขณะที่สื่อสารและไฟฟ้า มีโอกาสฟื้นตัว หลังตอบรับปัจจัยลบระยะสั้นมากไป บาทอ่อนรอบนี้บวกกับกลุ่มส่งออกอาหารและเกษตร ขณะที่อิเล็กทรอนิกส์จะไม่ได้ประโยชน์มากนัก

หุ้นแนะนำ: MAKRO*, MAJOR*, BAM*, TU*

แนวรับ: 1,505-1,526 / แนวต้าน : 1,547 จุด 

สัดส่วนลงทุน: เงินสด 40% vs พอร์ตหุ้น 60%

 

ประเด็นการลงทุนที่น่าสนใจ

สหรัฐเผยตัวเลขเปิดรับสมัครงานเพิ่มขึ้นในเดือนเม.ย. – โดยเพิ่มขึ้น 358,000 ตำแหน่ง สู่ระดับ 10.1 ล้านตำแหน่งในเดือนเม.ย. สวนทางที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลงสู่ระดับ 9.375 ล้านตำแหน่ง หลังจากปรับตัวลงติดต่อกัน 3 เดือน 

จีนเผย PMI ภาคการผลิต-ภาคบริการลดลงในเดือนพ.ค. – เนื่องจากอุปสงค์ชะลอตัวลง และอาจจะเป็นปัจจัยกดดันให้ทางการจีนออกมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ทั้งนี้ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนได้รับผลกระทบจากอัตราว่างงานที่พุ่งขึ้นอย่างมากในกลุ่มคนหนุ่มสาว รวมทั้งยอดค้าปลีกและการผลิตภาคอุตสาหกรรมที่ขยายตัวต่ำกว่าคาด
 

ซาอุดีอาระเบียอาจปรับลดราคาขายน้ำมันอย่างเป็นทางการ (OSP) – ให้แก่ตลาดเอเชียช่วงเดือน ก.ค. นี้ สำหรับราคาน้ำมันดิบประเภท Arab Light ประมาณ 1 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ทำให้ราคาน้ำมันดิบประเภท Arab Light แพงกว่าราคาเฉลี่ยของน้ำมัน Oman/Dubai ประมาณ 1.66 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ถือเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน พ.ย. 2565

SCC ส่ง"เอสซีจี เดคคอร์" เข้าตลาดหุ้นขาย IPO – SCC อนุมัติแผย IPO ของ SCGD และการนำหุ้นสามัญของ SCGD เข้าจดทะเบียนเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในรูปแบบ Holding Company โดยกำหนดสัดส่วนจำนวนหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่จะเสนอขายต่อประชาชนเป็นครั้งแรก เป็นจำนวนไม่เกิน 26.83% ของทุนชำระแล้วของ SCGD

 

ประเด็นติดตาม: 1 มิ.ย. - EU Manufacturing PMI, CPI, US ADP Nonfarm Employment Change, ISM Manufacturing PMI / 2 มิ.ย. - US Average Hourly Earnings, Nonfarm Payrolls, Unemployment Rate

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)