PTG น้ำขึ้นให้รีบตัก! (19 พฤษภาคม 2566)

PTG น้ำขึ้นให้รีบตัก! (19 พฤษภาคม 2566)

เราคาดว่ากำไรใน 2Q66F จะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ QoQ เนื่องจากค่าการตลาดน้ำมันเพิ่มขึ้นเป็นหลัก โดยผู้บริหารคาดค่าการตลาดน้ำมันของ PTG เอาไว้ที่ 1.80-1.90 บาท/ลิตร ใน 2Q66F เพิ่มขึ้น 5-11%QoQ จาก 1.72 บาท/ลิตร

หลังจากที่กระทรวงพลังงานอนุญาตให้ผู้ประกอบการสถานีบริการน้ำมันขึ้นค่าการตลาดน้ำมันดีเซลจากที่ตรึงไว้ที่ 1.40 บาท/ลิตร เป็น 1.80 บาท/ลิตร ได้ตั้งแต่กลางเดือนกุมภาพันธ์เป็นต้นมา ในขณะเดียวกันบริษัทคาดว่าปริมาณยอดขายน้ำมันจะเพิ่มขึ้น 8-12% YoY ใน 2Q66F ซึ่งหมายความว่าน่าจะเพิ่มขึ้น 0-4% QoQ เนื่องจาก i) อุปสงค์น้ำมันดีเซลแข็งแกร่งในไตรมาสที่สองเป็นหน้าเพาะปลูกของประเทศไทย ในขณะที่สัดส่วนปริมาณยอดขายน้ำมันดีเซล/น้ำมันเบนซินของ PTG อยู่ที่ประมาณ 75%/25% และ ii) การสนับสนุนของสมาชิกบัตร PT Max Card Plus มาใช้บริการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่ทำให้ PTG สามารถเพิ่มส่วนแบ่งตลาดน้ำมันเป็น 19.2% จาก 17.9% ใน 4Q65 นอกจากนี้ บริษัทยังตั้งเป้าจะเพิ่มจำนวนสมาชิกบัตร PT Max Card Plus อีกเท่าตัวเป็น 400,000 รายภายในปีนี้ จากประมาณ 200,000 รายในปีที่แล้ว

 

ไม่กังวลกับการที่ประเทศไทยอาจจะขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ

ถ้าหากประเทศไทยขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 450 บาท/วัน PTG คาดว่าจะได้รับผลกระทบประมาณ 0.08-0.10 บาท/ลิตร คิดเป็นเพียง 5-6% ของสมมติฐานค่าการตลาดน้ำมันของ PTG ของเราที่ 1.75 บาท/ลิตร ในปี 2566F แต่อย่างไรก็ตาม ผู้บริหารเชื่อว่าบริษัทจะสามารถขึ้นค่าการตลาดน้ำมันเพื่อให้สอดคล้องกับค่าใช้จ่ายพนักงานที่เพิ่มขึ้นได้ ดังนั้นผู้บริหารจึงไม่เป็นกังวลกับประเด็นนี้ ซึ่งสอดคล้องกับมุมมองของเราว่าไม่มีอะไรน่ากังวล นอกจากนี้ ผู้บริหารยังคาดว่านโยบายกำหนดค่าการตลาดน้ำมันดีเซลในปัจจุบันของประเทศไทยที่ 1.80 บาท/ลิตร จะมีผลต่อไปจนถึงอย่างน้อย 3Q66F ถ้ารัฐมนตรีพลังงานคน
ใหม่ไม่เปลี่ยนนโยบาย

 

 

 

คาดว่าจะขายหุ้น IPO ธุรกิจ LPG ใน 4Q66F เป็นอย่างเร็วสุด

หลังจากที่ PTG ยื่นไฟลิ่งธุรกิจ LPG ไปที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(กลต.) ไปแล้ว กลต. ได้ขอเอกสารที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมเพื่อพิจารณาอนุมัติ รวมถึงอาจจะต้องรองบการเงินใน 2Q66 ซึ่งกำหนดจะเผยแพร่ในกลางเดือนสิงหาคมด้วย ดังนั้นผู้บริหารจึงคาดว่าจะขายหุ้น IPO ของธุรกิจ LPG ได้ใน 4Q66F เป็นอย่างเร็วสุด นอกจากนี้ บริษัทยังบอกว่าอาจจะเลื่อน IPO ของธุรกิจไบโอดีเซลออกไปก่อน เพราะประเทศไทยยังใช้นโยบายน้ำมันดีเซล B7 ต่อไปจนถึงอย่างน้อยวันที่ 30 กันยายน 2566 ซึ่งทำให้การแข่งขันในตลาดไบโอดีเซลยังสูง แม้ว่า กลต. จะอนุมัติแผนการเข้าตลาดของธุรกิจไบโอดีเซลแล้วก็ตาม

 

Valuation

เรายังคงคำแนะนำซื้อ PTG และคงราคาเป้าหมายปี 2566F ที่ 19.50 บาท อิงจาก PE ที่ 19.0x เราเชื่อว่าผลประกอบการที่คาดว่าจะดีขึ้นอย่างมาก QoQ ใน 2Q66F จะช่วยหนุนราคาหุ้น นอกจากนี้ เรายังคงประมาณการกำไรที่ 1.7 พันล้านบาทในปี 2566 (+85% YoY) และ 2.5 พันล้านบาทในปี 2567 (+43%YoY) ดังนั้นเราจึงยังคงเลือก PTG เป็นหนึ่งในหุ้นเด่นของเราในกลุ่มพลังงาน

 

Risks

ความผันผวนของค่าการตลาดน้ำมัน, ปริมาณยอดขายน้ำมัน, ปริมาณยอดขาย LPG, ปริมาณยอดขายไบโอดีเซล และยอดขายร้านสะดวกซื้อ Max Mart