เน้นเลือกหุ้นรายตัว ขณะที่คาด SET เข้าสู่ช่วงสร้างฐานราคาโซน 1,600 จุด

เน้นเลือกหุ้นรายตัว ขณะที่คาด SET เข้าสู่ช่วงสร้างฐานราคาโซน 1,600 จุด

คาดตลาดระยะสั้นแกว่งตัวเชิงบวก แต่อาจผันผวนจากปัจจัยที่เข้ามากระทบ ปัจจัยสำคัญจากต่างประเทศเมื่อคืน

ได้แก่ 1) การเริ่มรายงานผลประกอบการกลุ่มการเงินและธนาคารพาณิชย์ ของสหรัฐฯ 2) การรายงานผลประกอบการของหุ้นเซมิคอนดัคเตอร์สหรัฐฯ อย่าง Micron Technology (MU) ที่ขาดทุน 1.91 เหรียญฯ (มากกว่าคาดการณ์ที่ -0.66 เหรียญฯ) 3) หุ้น Alibaba (BABA หรือ 9988) ประกาศแผนแยกธุรกิจต่างๆ ออกเป็น 6 บริษัท ซึ่งในอนาคตอาจเข้า IPO เมื่อพร้อม ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวมีโอกาสช่วน unlock value ของหุ้น ส่งผลบวกต่อจิตวิทยาหุ้นจีนที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ เมื่อคืน โดยดัชนี Nasdaq Golden Dragon China Index (HXC) +3.50% สวนทางกับ Nasdaq ที่ปรับลดลง

 

คาดกนง.ขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย เพื่อลดความเสี่ยงเงินทุนไหลออก แม้จะมีการคาดการณ์ถึงความเป็นไปได้ที่กนง.อาจเลือกไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ย เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ แต่ในมุมมองของเราที่ให้น้ำหนักกับเสถียรภาพของระบบการเงิน เราเชื่อว่า กนง. จะตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% เพื่อลดส่วนต่างดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐฯและไทยลง ทั้งนี้สถานการณ์ดังกล่าวจะต่างกับช่วงครึ่งหลังปี 2565 ที่แม้เงินบาทจะอ่อน แต่มีสัญญาณเงินทุนไหลเข้าชัดเจน ทำให้กนง. สามารถชะลอการขึ้นดอกเบี้ยได้ แต่ปัจจุบันการที่ดอกเบี้ยสหรัฐฯ อาจขึ้นถึงจุดสูงสุดของวัฏจักรแล้ว ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวจะช่วยปิดความเสี่ยงทางลงของตราสารหนี้สหรัฐฯ เมื่อรวมกับผลตอบแทนพันธบัตรที่อยู่ในระดับสูง จะทำให้เกิดแรงจูงใจในการดึงดูดเงินลงทุนเข้าสู่ตลาดพันธบัตรเพิ่มขึ้น 
 

ภาพรวมกลยุทธ์: เลือกเก็งกำไรรายตัว ขณะที่หากหุ้นธนาคารปรับขึ้น จะเป็นโอกาสในการลดน้ำหนักการลงทุน เพื่อปรับพอร์ตจากธีมดอกเบี้ยขาขึ้นไปเป็นดอกเบี้ยผ่านจุดสูงสุด ซึ่งจะบวกกับการบริโภคและหุ้นที่มีกระแสเงินสดสูง ทยอยสะสมเน้น selective buy กลุ่มที่น่าจะเห็นการฟื้นตัวได้ชัดเจนในปี 2566 และยังมีการถือครองที่ต่ำ (Underowned) โดยมีหุ้นที่เราชอบ ได้แก่ CPALL, MAKRO, BJC, WHA, AMATA, ROJNA, PTG, OR, MAJOR, SPA, ERW, VRANDA, BGC, M, SORKON, SNP, BGRIM, GPSC, GULF, GUNKUL, ADVANC เป็นต้น

หุ้นแนะนำ: ROJNA*, PTG*, MAJOR*, BJC*

แนวรับ: 1,597 / แนวต้าน : 1,615 จุด 

สัดส่วนลงทุน: เงินสด 40% vs พอร์ตหุ้น 60%
 

ประเด็นการลงทุนที่น่าสนใจ

Conference Board เผยความเชื่อมั่นผู้บริโภคสูงกว่าคาด – ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 104.2 ในเดือนมี.ค. สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าลดลงสู่ระดับ 101.0 จากระดับ 103.4 ในเดือนก.พ.

S&P เผยราคาบ้านสหรัฐชะลอตัว – ดัชนีราคาบ้านทั่วประเทศในสหรัฐเพิ่มขึ้น 3.8% ในเดือนม.ค. เมื่อเทียบรายปี แต่ต่ำกว่าระดับ 5.6% ในเดือนธ.ค.

ปอนด์พุ่งนิวไฮ 2 เดือน รับถ้อยแถลงผู้ว่าฯ BoE – ปอนด์พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือนเทียบดอลลาร์ ขานรับถ้อยแถลงของนายแอนดรูว์ เบลีย์ ผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ที่ระบุว่า ระบบธนาคารของอังกฤษไม่ได้รับผลกระทบจากการล่มสลายของธนาคารซิลิคอน วัลเลย์ แบงก์ (SVB) และเครดิต สวิส

หนี้ประเทศ - ครม.รับทราบรายงานความเสี่ยงทางการคลังปี 2565 เผยหนี้สาธารณะพุ่ง 10.37 ล้านล้านบาท คิดเป็น 60.41% ต่อจีดีพี ขณะที่เงินคงคลังยังสูงต่อเนื่องแตะ 6.24 แสนล้านบาท

Opportunity day - 29 มี.ค. – AMR, THAI, AIMCG, ASEFA, SCN, TRC, TMILL / 30 มี.ค. – SPC, MEGA, SC, TACC, DEMCO, SKE, FN / 31 มี.ค. – YONG, SSP, MOONG, CHO, RT / 3 เม.ย. – SPA, PJW, NCL, ITNS, STC, CH, CH, TMT / 4 เม.ย. – DTCENT, TEAMG, STECH, RAM, SKN, PRIME, YGG                         

 

ประเด็นติดตาม: 29 มี.ค. - Pending Home Sales / 30 มี.ค. – US GDP Q4 / 31 มี.ค. – EU CPI, Core PCE Price Index / 3 เม.ย. - ISM Manufacturing PMI / 4 เม.ย. - JOLTs Job Openings

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)