เน้นเลือกหุ้นรายตัว ที่มีภาพการฟื้นตัวของผลประกอบการชัดเจนในปีนี้

เน้นเลือกหุ้นรายตัว ที่มีภาพการฟื้นตัวของผลประกอบการชัดเจนในปีนี้

สถานการณ์ความเสี่ยงภาคธนาคารในต่างประเทศปรับลดลงต่อเนื่อง หลังไม่มีปัจจัยบ่งชี้เกี่ยวกับความเสี่ยงใหม่ในภาคธนาคาร

ขณะที่บรรษัทค้ำประกันเงินฝากสหรัฐฯ (FDIC) เปิดเผยว่าธนาคารเฟิร์สต์ ซิติเซนส์ แบงก์แชรส์ (First Citizen BancShares) ตกลงเข้าซื้อกิจการของธนาคารซิลิคอน วัลเลย์ (SVB) ซึ่งครอบคลุมทั้งเงินฝากและเงินกู้ทั้งหมด การดำเนินการดังกล่าวจะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้นักลงทุนและช่วยให้สถานการณ์ของภาคธนาคารมีความมั่นคงยิ่งขึ้น ขณะที่ราคาหุ้น Deutsche Bank (DB) และธนาคารอื่นๆเริ่มฟื้นตัว จากความกังวลที่มากเกินไป

กลุ่มค้าปลีก ให้น้ำหนักลงทุน “มากกว่าตลาด” ยอดขายสาขาเดิม (same store sales growth: SSSG) ในช่วงไตรมาส 1/66 ของกลุ่มค้าปลีกยังอยู่ในทิศทางปรับขึ้น ทั้งนี้ภาพรวมหุ้นในการวิเคราะห์ของเรา (coverage) คาดว่าจะยังเห็นการรายงาน SSSG เป็นบวกต่อเนื่อง โดย CAPLL และ COM7 คาดจะเห็นตัวเลขเติบโตในระดับ 6-7% และ 10-15% YoY ตามลำดับ หุ้นที่เราชอบได้แก่ CPALL (ซื้อ เป้า 78 บาท) และ MAKRO (Not rated) นอกจากนี้ เรายังชอบ BJC (ซื้อ เป้า 46 บาท) ทั้งนี้คาดผลประกอบการจะฟื้นตัวได้ดีในปี 2566 ทั้งจากภาพการบริโภค ภาคบริการ ซึ่งผลักดันจากการเติบโตของนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้ว ยังมีปัจจัยผลักดันราคา (catalyst) จากแผนนำ BIGC เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์อีกครั้ง ภายใต้บริษัทย่อย BigC Retail Corporation (BRC)
 

ปัจจัยติดตามสัปดาห์นี้ ได้แก่ 1) การประชุมกนง. คาดขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% และอาจส่งสัญญาณตรึงดอกเบี้ย ซึ่งอาจเป็นสัญญาณบวกต่อกลุ่มไฟแนนซ์ 2) กรรมการเฟดหลายท่านมีกำหนดการกล่าวสุทรพจน์หรือแถลงช่วงพฤหัส (30 พ.ค.) 3) ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อจีน China PMI (31 พ.ค.) 4) ประธาน ECB มีกำหนดการแสดงสุนทรพจน์ (31 พ.ค.)

ภาพรวมกลยุทธ์: มองตลาดผันผวนระยะสั้นจากการปรับพอร์ตลดน้ำหนักธีมดอกเบี้ยขาขึ้นไปเป็นดอกเบี้ยผ่านจุดสูงสุด ทยอยสะสมเน้น selective buy กลุ่มที่น่าจะเห็นการฟื้นตัวได้ชัดเจนในปี 2566 และยังมีการถือครองที่ต่ำ (Underowned) ได้แก่ และหุ้นที่มีปัจจัยบวกรายตัว โดยมีหุ้นที่เราชอบ ได้แก่ CPALL, MAKRO, BJC, WHA, AMATA, ROJNA, PTG, OR, MAJOR, SPA, ERW, VRANDA, BGC, M, SORKON, SNP, BGRIM, GPSC, GULF, GUNKUL, ADVANC เป็นต้น

หุ้นแนะนำ: ROJNA*, PTG*, MAJOR*, BJC*

แนวรับ: 1,580-1,588 / แนวต้าน : 1,600-1,605 จุด 

สัดส่วนลงทุน: เงินสด 40% vs พอร์ตหุ้น 60%
 

 

 

ประเด็นการลงทุนที่น่าสนใจ

เฟดดัลลัสเผยดัชนีภาคการผลิตหดตัวเป็นเดือนที่ 11 – ดัชนีชี้วัดกิจกรรมในภาคการผลิตของรัฐเท็กซัสปรับตัวลงสู่ระดับ -15.7 ในเดือนมี.ค. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ -10.5 จากระดับ -13.5 ในเดือนก.พ.

สหรัฐฟ้อง Binance ละเมิดกฎหมายฟอกเงิน,สนับสนุนเงินทุนกลุ่มก่อการร้าย – คณะกรรมาธิการการค้าสัญญาล่วงหน้าสินค้าโภคภัณฑ์ (CFTC) ของสหรัฐ ยื่นฟ้องซีอีโอของไบแนนซ์ (Binance) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซีรายใหญ่ที่สุดในโลก ในข้อหาละเมิดกฎหมายรัฐบาลกลางสหรัฐที่เกี่ยวข้องกับตลาดสินค้าโภคภัณฑ์

ITEL กำหนดแจ้งความจำนงใช้สิทธิ ITEL-W3 ครั้งสุดท้าย –มีกำหนดตรงกับวันที่ 12 เมษายน 2566 อัตราการใช้สิทธิ ใบสำคัญแสดงสิทธิ 1 หน่วย มีสิทธิซื้อหุ้นสามัญ 1 หุ้น ในราคาหุ้นละ 3.30 บาท

Opportunity day - 28 มี.ค. – TPS, SEAFCO, NNCL, INET, HPT, TPAC, ACE / 29 มี.ค. – AMR, THAI, AIMCG, ASEFA, SCN, TRC, TMILL / 30 มี.ค. – SPC, MEGA, SC, TACC, DEMCO, SKE, FN / 31 มี.ค. – YONG, SSP, MOONG, CHO, RT            

 

ประเด็นติดตาม: 28 มี.ค. - CB Consumer Confidence / 29 มี.ค. - Pending Home Sales / 30 มี.ค. – US GDP Q4 / 31 มี.ค. – EU CPI, Core PCE Price Index / 3 เม.ย. - ISM Manufacturing PMI

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)