SKN เป็นปีที่ท้าทาย (8 มีนาคม 2566)

SKN เป็นปีที่ท้าทาย (8 มีนาคม 2566)

มีกำไรสุทธิ 4Q22 เท่ากับ 184.2 ล้านบาท (+47.3%QoQ ,-41.7%YoY) มีรายได้จากการดำเนินงานที่ระดับ 1,342.8 ล้านบาท เติบโต +53.9%QoQ

เนื่องจากมีการรับรู้คำสั่งซื้อที่ถูกเลื่อนมาจากไตรมาสก่อน แต่หากเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนรายได้ลดลง -16.3%YoY ตามปริมาณการขายที่ลดลง ประกอบกับราคาขายสินค้ามีการปรับลดลงในช่วงปลายปี ด้านอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 34.7% ลดลงจาก 41.4% ในไตรมาสก่อน และ 46.9% ใน 4Q21 ตามเงินบาทที่แข็งค่าเร็วจาก 37.8บาท/ดอลลาร์ ณ สิ้น 3Q22 เป็น 34.6 บาท/ดอลลาร์ ณ สิ้นปี ประกอบกับได้รับผลกระทบจากต้นทุน-สารเคมี และต้นทุนพลังงานที่ยังอยู่ในระดับ ในส่วนของ  SG&A/Sales อยู่ที่ 20.5% ดีขึ้นจาก 26.7% ในไตรมาสก่อน และ 24.5% ใน 4Q21 สาเหตุหลักมาจากปริมาณการขายแบบเงื่อนไข FOB เพิ่มขึ้น ประกอบกับช่วงปลายปีราคาค่าขนส่งทางเรือลดลง ส่งผลให้บริษัทมีกำไรสุทธิ 4Q22 เท่ากับ 184.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น +47.3%QoQ แต่ลดลง -41.7%YoY ทั้งนี้บริษัทมีกำไรสุทธิปี 22 เท่ากับ 682.4 ล้านบาท -12.1%YoY ดีกว่าประมาณการของเรา  +11.1%

 

-   ผลประกอบการปี 23 มีโอกาสชะลอตัว 

เราคาดว่าผลประกอบการปี 23 มีโอกาสชะลอตัวลง โดยมีสาเหตุจาก 1) ราคาขายที่เริ่มมีการปรับลดลง ตามความต้องการซื้อ MDF ที่อ่อนตัวลง ประกอบกับประเทศเวียดนามมีแผนเพิ่มกำลังการผลิตปี 23-24 ส่งผลให้มีอุปทานเพิ่มขึ้น 2)อัตรากำไรขั้นต้นมีโอกาสอ่อนตัวลง จากราคาต้นทุนวัตถุดิบทรงตัวอยู่ในระดับสูง ประกอบกับเงินบาทที่อยู่ในทิศทางแข็งค่า เราคงประมาณการรายได้และกำไรสุทธิปี 23 ที่ 3,458 ล้านบาท และ 492.2 ล้านบาท -17.2%YoY และ -27.7%YoY ตามลำดับ
 

 

-  คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสมปี 23 ที่ 8.90 บาท

แม้ผลประกอบการมีแนวโน้มชะลอตัว แต่เรามองว่าราคาหุ้นได้ปรับตัวลงสะท้อนประเด็นดังกล่าวแล้ว โดยเราประเมินมูลค่าโดยอิง Average PE ย้อนหลัง 3 ปี ที่ 14.4 เท่า ได้ราคาเหมาะสมปี 23 ที่ 8.90 บาท ยังมี Upside จากราคาปัจจุบัน คงคำแนะนำ “ซื้อ” 

 

ปัจจัยเสี่ยง


i)    ความผันผวนของราคาวัตถุดิบไม้
ii)    ความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน
iii)    ผู้บริโภคหันไปใช้ผลิตภัณฑ์ทดแทนไม้ประเภทอื่น