เลือกเก็งกำไรรายตัว ยังคาดแรงกดดันจากผลประกอบการจะทยอยลดลง 

เลือกเก็งกำไรรายตัว ยังคาดแรงกดดันจากผลประกอบการจะทยอยลดลง 

ยังประเมินแรงกดดันต่อภาพรวมตลาดน่าจะเริ่มผ่อนคลาย โดยมีสาเหตุสำคัญจาก 1) เข้าสู่ช่วงการประกาศงบของหุ้นกลุ่มที่เกี่ยวกับการบริโภคภายในประเทศ ซึ่งภาพรวมผลประกอบการน่าจะเป็นบวก 2) ไม่มีปัจจัยกดดันจากต่างประเทศมากนัก

โดยมีประเด็นติดตามรายงานการประชุมเฟดเมื่อ 1 ก.พ. ที่จะออก 23 ก.พ.นี้ 3) การเข้าสู่เทศกาลประกาศเงินปันผลของหุ้นส่วนใหญ่ โดยเฉพาะกลุ่มธนาคารที่จะประกาศปันผลหลังออกงบฉบับสอบทานในช่วงปลายเดือน แม้จะยังเห็นแรงปรับพอร์ตของต่างชาติผ่านการขายสุทธิในตลากตราสารหนี้ และหุ้น แต่ประเมินหุ้นใหญ่ในกลุ่มที่จะได้ผลดีจากการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวที่จะเห็นภาพชัดในปีนี้ รวมถึงหุ้นขนาดกลางที่มีปัจจัยเฉพาะตัว จะเคลื่อนไหวได้ดีและมีความเสี่ยงจากการปรับพอร์ตของนักลงทุนต่างชาติที่ต่ำ 

 

หุ้นในกลุ่มที่ยัง Laggard ที่น่าสนใจได้แก่ 1) ปิโตรเคมี ได้ประโยชน์จากจีนกลับมาเปิดประเทศ เราชอบ PTTGC, IRPC 2) นิคมอุตสาหกรรม ได้ประโยชน์จากแนวโน้มย้ายฐานการผลิตออกจากจีน บวกต่อ ROJNA, WHA, AMATA, WHAUP 3) กลุ่มค้าปลีก ได้ประโยชน์จากการกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างชาติและกำลังซื้อภาคบริการที่ดีขึ้น ได้แก่ MAKRO, BJC 4) กลุ่มได้ประโยชน์จากต้นทุนการผลิตที่ลดลง ได้แก่ ITC, SCGP, SORKON, CPANEL, Q-CON 5) หุ้นที่คาดเริ่ม Turnaround ได้แก่ TVDH, FLOYD, S
 

ประเด็นลงทุนระยะกลางที่น่าสนใจ 1) ฟื้นตัวจากเศรษฐกิจและเปิดเมือง BBL, SCB, MINT, SPA, VRANDA, KISS, CPN, CRC, CPALL, MAKRO, MAJOR 2) หุ้นได้ประโยชน์จากเศรษฐกิจจีนฟื้นตัว (พลังงาน ปิโตรเคมี บรรจุภัณฑ์) ได้แก่ PTTGC, IRPC, SCGP, AJ, PTL, SCC, PTTEP, PTT 3) กลุ่มบริโภคและการย้ายฐานการผลิต ได้แก่ WHA, AMATA, ROJNA 4) การขายไฟพลังงานทดแทน 5200MW GULF, GUNKUL, BCPG, SSP, BGRIM, GPSC, EGCO 5) หุ้นที่น่าสนใจอื่นๆ DMT, TVDH, FLOYD, SORKON, ASW, S, CBG, AEONTS, SAMART, SDC 6) กลุ่มน้ำตาล เข้า high season และปริมาณการผลิตไทยสูงสุดในรอบ 3 ปี ดีกับ KSL, KTIS, KBS, BRR

 

ภาพรวมกลยุทธ์: ตลาดยังผันผวนจากการปรับพอร์ตของต่างชาติและการรายงานงบรายตัวในระยะสั้น การเก็งกำไรระยะสั้นเน้น selective buy กลุ่มที่น่าจะเห็นการฟื้นตัวได้ชัดเจนในปี 2566 และยังมีการถือครองที่ต่ำ (Underowned) ได้แก่ กลุ่มเปิดเมืองที่ยังขึ้นน้อย, ค้าปลีก (ที่ได้ประโยชน์จากนักท่องเที่ยวกลับมา), ปิโตรเคมี, การเงิน, โภคภัณฑ์ (เฉพาะเหล็กและน้ำตาล) และหุ้นที่มีปัจจัยบวกรายตัว โดยหุ้นที่เรามองสามารถทยอยสะสม ได้แก่ MAJOR, CPALL, MAKRO, BJC, PTTGC, IRPC, TIDLOR, AMANAH, MILL, TSTH, KSL, ROJNA, SAMART, SDC เป็นต้น //หุ้นแนะนำ: MAKRO*, ROJNA*, ASW*, SAMART*

แนวรับ: 1,635-1,650 / แนวต้าน : 1,659 จุด สัดส่วน : เงินสด 50% : พอร์ตหุ้น 50%
 

ประเด็นการลงทุน

นายกฯยูเครนพบผู้นำ IMF หวังบรรลุข้อตกลงเงินกู้ฟื้นฟูประเทศ 1.5 หมื่นล้านดอลล์ –คาดหวังว่ารัฐบาลจะสามารถบรรลุข้อตกลงกับ IMF ในโครงการเงินกู้เพื่อสนับสนุนยูเครน

เปิดด่านแม่สายผลักดันค้าชายแดนคึกคักหลังเงียบกริบกว่า 3 ปี - ไทย-เมียนมาร่วมมือเปิดด่านสะพาน 1 ท่าขี้เหล็กอย่างเป็นทางการ ให้ประชาชนทั้งสองประเทศเดินทางข้ามไป-มาได้ตามปกติ หลังจากปิดเงียบมากว่า 3 ปี หวังช่วยสนับสนุนการค้าชายแดน-กระตุ้นเศรษฐกิจ

ธปท.เล็งต่อมาตรการช่วยลูกหนี้ หลังค่าครองชีพสูง-ดอกเบี้ยขาขึ้น - ธปท.อยู่ระหว่างพิจารณาต่ออายุมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ ทั้งมาตรการสินเชื่อเพื่อการฟื้นฟู ที่ได้ปรับเปลี่ยนเป็นสินเชื่อเพื่อการปรับตัว โดยจะสามารถขยายต่อไปได้อีก 1 ปี และมาตรการพักทรัพย์พักหนี้ ซึ่งทั้ง 2 มาตรการจะหมดอายุในวันที่ 9 เม.ย.66 โดยเร็วๆ นี้จะมีความชัดเจนว่าจะต่ออายุมาตรการดังกล่าวหรือไม่

จีนออกกฎเกณฑ์อย่างเป็นทางการสำหรับการทำ IPO ในต่างประเทศ – คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของจีน (CSRC) ประกาศกฎระเบียบฉบับใหม่ โดยกำหนดว่า บริษัทในประเทศจีนต้องปฏิบัติตามมาตรการด้านความมั่นคงแห่งชาติและกฎหมายปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลก่อน จึงจะสามารถดำเนินการเสนอขายหุ้นต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) ในต่างประเทศได้

MAKRO เปลี่ยนชื่อใหม่ เป็น ซีพี แอ็กซ์ตร้า – บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) จะมีการเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน)  โดยจะเปลี่ยนชื่อย่อจาก MAKRO เป็น CPAXT 

Opportunity day - 21 ก.พ. : SNC, TPIPP, PSH, GGC, DELTA, GPSC, GLOBAL / 22 ก.พ.: SMPC, HENG, GC, EPG, THREL, ALT / 23 ก.พ.: TASCO, MGT, THANI, III, MTC, ERW, SUN / 24 ก.พ.: WICE, LHK, SPALI, PT, OSP, NETBAY, SECURE

หุ้น IPO เทรดวันแรก – CHASE หรือ บมจ.เชฎฐ์ เอเชีย ดำเนินธุรกิจบริหารจัดการสินทรัพย์จากการรับโอนสินทรัพย์ด้อยคุณภาพและให้บริการติดตามทวงถามและเร่งรัดหนี้สิน IPO 2.90 บาท

 

ประเด็นติดตาม: 23 ก.พ. - EU CPI, US GDP Q4 / 24 ก.พ. – US Core PCE Price Index / 27 ก.พ. – US Pending Home Sales / 28 ก.พ. -CB Consumer Confidence / 1 มี.ค. – ISM Manufacturing PMI

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)