CPN ประมาณการ 4Q65F: กำไรจะโตอย่างแข็งแกร่ง YoY

CPN ประมาณการ 4Q65F: กำไรจะโตอย่างแข็งแกร่ง YoY

เราคาดว่าผลการดำเนินงานของ CPN ใน 4Q65F จะแข็งแกร่ง โดยมีกำไรสุทธิ 2.79 พันล้านบาท (+54.0% YoY, -2.6% QoQ) ในขณะที่คาดว่ากำไรจากธุรกิจหลักจะอยู่ที่ 2.95 พันล้านบาท (+74.0%YoY, +7.7% QoQ)

CPN ประมาณการ 4Q65F: กำไรจะโตอย่างแข็งแกร่ง YoY

โดยเราคาดว่าบริษัทจะมีค่าใช้จ่ายพิเศษ 150 ล้านบาทใน 4Q65F ทั้งนี้ ผลประกอบการจะดีขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ห้าหลังจากที่ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วใน 3Q64 ซึ่งกำไรลดลงไปเหลือเพียง 229 ล้านบาท โดยใน 4Q65 เราคาดว่าจำนวนลูกค้าเข้าห้างจะเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 85% ของระดับปกติ (เพิ่มขึ้น QoQ จาก 80% ใน 3Q65) ในขณะที่อัตราส่วนลดเฉลี่ยที่ให้กับผู้เช่าจะลดลงไปอีกเหลือไม่ถึง 10% (จาก 12%-13% ใน 3Q65, 15%-16% ใน 2Q65 และ 30%-40% ในปี 2564)
นอกจากนี้ เรายังคาดว่า occupancy rate เฉลี่ยในธุรกิจโรงแรมของ CPN จะทรงตัว QoQ อยู่ที่ 61% ในขณะที่ธุรกิจที่อยู่อาศัยมีแนวโน้มจะแข็งแกร่งขึ้น เพราะมีโครงการที่พร้อมโอนใน 4Q65 มากขึ้น (เช่น Escent ระยอง 2) ดังนั้น เราจึงคาดว่ารายได้จะอยู่ที่ 9.87 พันล้านบาท (+28.6% YoY, +9.5% QoQ) และคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นรวมทุกธุรกิจจะเพิ่มขึ้นเป็น 50.3% จาก 43.6% ใน 4Q64 และ 49.8% ใน 3Q65 โดยเราคาดว่ากำไรสุทธิใน 4Q65F และปี 2565F จะคิดเป็น 27.5% และ 105.7% ของประมาณการกำไรเต็มปีของเรา

 

 

ยังคงขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง
 

ตามที่ได้ระบุไว้ในบทวิเคราะห์ฉบับที่แล้ว ว่าบริษัทมีทิศทางที่ชัดเจนและไม่เปลี่ยนแปลง โดยจะยังคงเดินหน้าขยายธุรกิจหลักอย่างต่อเนื่อง (ได้แก่ community mall, โรงแรม และอสังหาริมทรัพย์) ในอีกห้าปีข้างหน้า โดยในปี 2566 บริษัทมีแผนจะเปิดห้าง Central Westville ที่ถนนราชพฤกษ์ และจะเปิดโครงการใหม่ ๆ เพิ่มอีกในปี 2567 (ได้แก่ Central นครสวรรค์, Central นครปฐม, Dusit Central Park,Central Embassy 2, Siam Square 1) ซึ่งทำให้เรายังคงมองบวกกับแนวโน้มการเติบโตในอนาคตจากโครงการเหล่านี้ (Figure 3)

CPN ประมาณการ 4Q65F: กำไรจะโตอย่างแข็งแกร่ง YoY

 

แนวโน้มเป็นบวกตั้งแต่ปี 2566

เรายังคงมองบวกกับแนวโน้มการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งของ CPN จากปี 2565 เป็นต้นมา เนื่องจาก i) การกลับมาเปิดประเทศไทยใน 2H65 ซึ่งทำให้กลับมาให้ส่วนลดในระดับปกติกับผู้เช่าจากปี 2566F ไป ii) ได้โมเมนตัมด้านบวกจากการซื้อ SF iii) เดินหน้าขยายห้างใหม่อย่างต่อเนื่อง และ iv) คุม SG&A ได้ดี นอกจากนี้ ผลการดำเนินงานยังมีแนวโน้มจะออกมาเป็นบวกใน 2H65 หลังจากที่ผ่านช่วงที่สถานการณ์ COVID-19 เลวร้ายที่สุดไปแล้วใน 1H65

 

 

Valuation & Action

เราปรับเพิ่มประมาณการกำไรในช่วง 6%-8% ต่อปีในระยะยาว เนื่องจาก i) อัตรากำไรมีโอกาสจะสูงเกินคาด ii) มีการให้ส่วนลดกับผู้เช่าน้อยลง และ iii) สัดส่วน SG&A/ยอดขายอยู่ในเกณฑ์ดี  ดังนั้น เราจึงยังคงคำแนะนำซื้อ และขยับไปใช้ราคาเป้าหมาย DCF กลางปี 2567 ที่ 83 บาท (ใช้ WACC ที่ 7.8% และ TG ที่ 4%) จากเดิม 75 บาท (อิงจากกำไรปี 2566)

 

Risks

COVID-19 ระบาด, มีการปิดศูนย์การค้า, และมีการให้ส่วนลดกับผู้เช่า