ตัวเลขจ้างงานสหรัฐสูงกว่าคาด (6 ก.พ. 2566)

ตัวเลขจ้างงานสหรัฐสูงกว่าคาด (6 ก.พ. 2566)

วันศุกร์ที่ผ่านมา ดัชนี Sideway ในแดนบวก มีแรงซื้อเข้ามาในหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ นำโดย DELTA +3.71% ส่งผลต่อดัชนีราว +3.5 จุด จากการที่ดัชนีหุ้นเทคโนโลยีสหรัฐ ปรับตัวขึ้น ประกอบกับการปรับเกณฑ์ซื้อหุ้นเหลือขั้นต่ำ 50 หุ้น จากเดิม 100 หุ้น

โดยนักลงทุนติดตามตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐ  ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,688.36 จุด +5.78 จุด +0.34% มูลค่าการซื้อขาย 58,565 ลบ.ต่างชาติ -2,216.99 ลบ. TFEX +20,219 สัญญา ตราสารหนี้ -6,108.90 ลบ.

 

ปัจจัยบวก    

+ ดัชนีภาคบริการของสหรัฐดีดตัวขึ้นสู่ระดับ 55.2 ในเดือนม.ค. จากระดับ 49.2 ในเดือนธ.ค. โดยดัชนีที่อยู่เหนือระดับ 50 บ่งชี้ว่าภาคบริการมีการขยายตัว
+ สำนักข่าวไฟแนนเชียลไทม์ส รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า บรรดาชาติพันธมิตรของยูเครนกำลังผลักดันให้กองทุน IMF อนุมัติโครงการให้กู้ยืมเงินมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์เพื่อช่วยเหลือยูเครน
+ รัฐบาลมีแผนในปี 2566 ตั้งเมืองอัจฉริยะเพิ่มอีก 15 แห่ง พร้อมยกเว้นภาษีนิติบุคคล 8 ปี และให้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีเต็มพิกัด หวังให้เกิดการลงทุนในพื้นที่ หนุนใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี ช่วยลดค่าใช้จ่ายและการใช้ทรัพยากร
+ ททท. จะเปิดระบบให้เริ่มจองโรงแรม/ที่พัก ตั้งแต่วันที่ 8 มี.ค.-27 เม.ย. 66 เริ่มเข้าพักได้ในวันที่ 11 มี.ค.- 30 เม.ย. 66
+/- FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่านักลงทุนในตลาดการเงินคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% อีก 2 ครั้ง ในการประชุมเดือนมี.ค. และเดือนพ.ค. สู่ระดับสูงสุดที่ 5.00-5.25% ก่อนที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งขึ้นเกินคาดไปมาก

 

ปัจจัยลบ  

- ดัชนีดาวโจนส์ปิด ลดลง 127.93 จุด หรือ -0.38% ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนีดาวโจนส์ติดลบ 0.2% หลังการเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานที่แข็งแกร่งเกินคาดทำให้เกิดความวิตกว่าเฟด จะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเชิงรุก ขณะที่นักลงทุนผิดหวังกับการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่
 

- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ร่วงลง 2.49 ดอลลาร์ -3.3% ปิดที่ 73.39 ดอลลาร์/บาร์เรล และราคาร่วงลง 7.9% ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากนักลงทุนเทขายสัญญาน้ำมันดิบท่ามกลางความไม่แน่ใจเกี่ยวกับอุปสงค์น้ำมันจากจีนหลังวันหยุดยาวเทศกาลตรุษจีน นอกจากนี้ แนวโน้มที่จะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปในสหรัฐหลังการเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานที่แข็งแกร่งเกินคาดนั้น ส่งผลกดดันตลาดน้ำมันด้วย
- สหรัฐเปิดเผยว่าตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งขึ้น 517,000 ตำแหน่งในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค. 2565 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 185,000 ตำแหน่ง ส่วนอัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 3.4% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2512 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.6%
- ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) เปิดเผยว่า สหภาพยุโรป (EU) จะดำเนินมาตรการคว่ำบาตรครั้งใหม่ต่อรัสเซียภายในวันที่ 24 ก.พ.นี้ ซึ่งเป็นวันครบรอบ 1 ปีของสงครามรัสเซีย-ยูเครน

 

แนวโน้มตลาดวันนี้

คาดดัชนีวันนี้มีโอกาสอ่อนตัวลงตามทิศทางตลาดต่างประเทศ โดยนักลงทุนกังวลว่าเฟดจะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเชิงรุก หลังตัวเลขการจ้างงานสหรัฐแข็งแกร่งกว่าตลาดคาด ประกอบกับราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ปรับตัวลงต่อเนื่อง กดดันหุ้นกลุ่มพลังงาน มองกรอบดัชนีในวันนี้ที่ 1,680-1,695 จุด

 

กลยุทธ์การลงทุน

• ช้อปดีมีคืนปี 66 : BJC CPALL MAKRO CRC COM7 SPVI CPW JMART HMPRO ZEN M AU
• จีนเปิดประเทศ+เราเที่ยวด้วยกันเฟส 5 : MINT CENTEL ERW SPA AU SHR
• หุ้นโรงไฟฟ้าได้ประโยชน์จากรายได้ปรับขึ้นตามค่า FT แต่ต้นทุนเริ่มคงที่ : GPSC BGRIM RATCH
• หุ้นยั่งยืนด้านพลังงานหมุนเวียน : EA TSE SSP SUPER PRIME
• หุ้นได้ประโยชน์จากรถยนต์ไฟฟ้า : EA GPSC BCP OR DELTA
• หุ้น mai เด่นปี 66 : SPA D CEYE AU
• หุ้นเชื่อมโยงการเมือง : TKS SIRI PR9 SC STEC

 

 

หุ้นรายงานพิเศษ  

                                                         FPI - “ซื้อ” ราคาเหมาะสม 5.15 บาท
                                       “มุมมองบวกต่อแนวโน้มกำไร 4Q65 และต่อเนื่องไปยังปี 66”

•เราคาดผลประกอบการงวด 4Q65 จะเติบต่อเนื่อง QoQ จากออเดอร์ที่ค่อนข้างแน่น ประกอบกับเข้าสู่ช่วง High Season ของปี นอกจากนี้ ค่าระวางเรือที่ปรับลงราว 50-75% จากช่วงต้นปี ทำให้ลูกค้าบางรายเร่งคำสั่งซื้อเพิ่มเติมชดเชยจากช่วงก่อนหน้าที่ต้นทุนค่าขนส่งแพง โดยเราคงประมาณกำไรปี 65 ที่ราว 464 ลบ. +41%YoY ซึ่ง 9M65 มีกำไร 323 ลบ. คิดเป็น 70% ของประมาณการทั้งปี 65

ความเห็น เรามีมุมมองบวกต่อแนวโน้มกำไร 4Q65 และต่อเนื่องไปยังปี 66 ซึ่งคาดจะเติบโตอีกราว 10%YoY โดยมีปัจจัยหนุนคือ 1) บริษัทคู่แข่งรายใหญ่รายหนึ่งในตะวันออกกลางออกจากตลาดไป ซึ่งบริษัทมีรายได้กลุ่ม Bumper จากกลุ่ม Asia & Middle East ราว 50% และ 2) จับมือกับพันธมิตรและเปิดโมเดลใหม่ๆ อาทิ อียิปต์ เม็กซิโก ออสเตรเลีย และล่าสุดกำลังเจรจาผลิตชิ้นส่วน EV Scooter กับลูกค้าภายในประเทศ ปัจจุบันราคาหุ้นซื้อขายที่ PE เพียง 10x ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต 5 ปี ที่ระดับ 20x โดยเราคงคาแนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสม 5.15 บาท

 

หุ้นมีข่าว

(+) JR (Bloomberg consensus - บาท) ชูผลงานไตรมาส 1/2566 กระหึ่ม หลังงานทะลักแบ็กล็อกแตะ 1.06 หมื่นล้านบาท กินยาวถึงปี 2568 เดินหน้าสอยโครงการใหม่อีก 2 พันล้านบาท ได้รับอานิสงส์รัฐบาลสั่งเดินรถบัสอีวี EA ป้อนงานสถานีชาร์จไซซ์บิ๊ก 50 แห่ง หนุนธุรกิจเพิ่ม (ที่มา ทันหุ้น)

(+) SNNP (Bloomberg consensus 28.00 บาท) ทัวร์จีนเข้าไทยหนุนยอดขายกระฉูด ซีอีโอ "ฐากร ชัยสถาพร" ลั่นปีนี้รายได้โตอย่างน้อย 10% จากปีก่อน รับดีมานด์ทะลัก-กาลังผลิตใหม่หนุน แถมเร่งเปิดไลน์ผลิต เฟส 2 เวียดนามเร็วกว่ากำหนด ปูทางรับทรัพย์เพิ่ม (ที่มา ทันหุ้น)

(+) RT (Bloomberg consensus - บาท) เปิดแผนธุรกิจปี 2566 ลุ้นเทิร์นอะราวด์ ตั้งเป้ารายได้โต 100% ชูกลยุทธ์เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานก่อสร้าง บริหารจัดการต้นทุนแรงงาน เร่งส่งมอบงานเก่า รับงานใหม่ด้วยราคาต้นทุนตามจริง เพิ่มสัดส่วนงานต่างประเทศ หนุน Backlog ทำสถิติใหม่ 11,400 ล้านบาท เตรียมงบลงทุน 300 ล้านบาท ซื้อเครื่องจักรรับงานเฉพาะทาง (ที่มา ทันหุ้น)

(+) CENTEL (Bloomberg consensus 53.50 บาท) ปลื้มทัวร์จีนเข้าไทยหนุน OCC ธุรกิจโรงแรมเดือนกุมภาพันธ์พุ่งแตะ 70% แล้ว เจาะแหล่งท่องเที่ยวกรุงเทพฯ, ภูเก็ต, มัลดีฟส์ OCC พุ่ง แตะ 90% ดัน RevPar สูงกว่าปี 2562 ได้ต่อเนื่อง ด้านธุรกิจอาหารยอดขายต่อสาขาเติบโตแข็งแกร่ง ขณะที่ยอดสั่งผ่านเดลิเวอรีก็ไม่ลดลง (ที่มา ทันหุ้น)