Sideways ซื้อเก็งกำไรเป็นรายตัวในหุ้น Domestic Play

Sideways ซื้อเก็งกำไรเป็นรายตัวในหุ้น Domestic Play

คาดดัชนีฯ เคลื่อนไหวในทิศทาง Sideways แนวรับ 1,612/1,600 จุด แนวต้าน 1,630/1,635 จุด ปัจจัยบวกมาจากการฟื้นตัวของตลาดหุ้นสหรัฐฯ หลังจากตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานสูงขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้า

ทำให้ตลาดคาดหวังว่าเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยเพียง 0.50% ในการประชุมสัปดาห์หน้า ส่วนปัจจัยลบ คือ ตลาดหุ้นไทยจะปิดทำการในวันจันทร์ที่ 12 ธ.ค. ทำให้มีโอกาสที่จะเผชิญแรงขายลดความเสี่ยงก่อนวันหยุด Long Weekend ด้านสัญญาณทางเทคนิค ดัชนีฯ ยังมีแนวโน้มพักฐานโดยมีแนวรับสำคัญที่ 1,612 จุด หากหลุดบริเวณดังกล่าวจะเป็นสัญญาณขาย คำแนะนำ ซื้อเก็งกำไรเป็นรายตัวในหุ้น Domestic Play หุ้นแนะนำวันนี้ BEM JMT KTC

 

กลยุทธ์การลงทุน แนะนำ

+ KTX Portfolio: พอร์ต Big Cap แนะนำ GULF CRC AWC CK TCAP CENTEL BH BEM CPALL AOT EA PTG CPN MINT KTB TTB BDMS PLANB

+ Daily Recommendations: BEM (แนวโน้มกำไร 4Q22E เติบโตต่อเนื่อง จากจำนวนผู้ใช้ทางด่วนและรถไฟฟ้าใต้ดินที่เพิ่มขึ้นในช่วงเทศกาลการท่องเที่ยว) JMT (ต้นทุนทางการเงินมีแนวโน้มลดลง หลังจาก Bond Yields ไทย ได้ผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว) KTC (ได้ประโยชน์จากการจับจ่ายใช่สอยที่เพิ่มขึ้นในช่วงเทศกาลท่องเที่ยวและปีใหม่ หนุนยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเพิ่มขึ้น)

+ หุ้นที่ได้ประโยชน์จากต้นทุนอาหารสดที่ลดลง: M MINT RBF

+ หุ้นที่ได้ประโยชน์จากการเปิดตัวรถ Tesla ในไทย: KKP TISCO TCAP

+ หุ้นได้ประโยชน์จากมาตรการรัฐ: ERW CENTEL AWC AOT AAV BA BAFS CPALL CRC SNNP

 

ปัจจัยบวก

+ US: สหรัฐฯ รายงานตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานรายสัปดาห์ที่ 2.3 แสนราย สูงขึ้นจาก 2.25 แสนราย ส่งผลให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ฟื้นตัวปิดบวกในค่ำคืนที่ผ่านมา ซึ่งช่วยหนุน Sentiment การลงทุนของตลาดหุ้นไทยเช้านี้

ปัจจัยลบ

- Thailand: ตลาดหุ้นไทยมีแนวโน้มเผชิญแรงขายลดความเสี่ยงก่อนช่วงวันหยุดยาว ขณะที่ปริมาณการซื้อขายมีแนวโน้มลดลง เนื่องจากนักลงทุนบางส่วนมีแนวโน้มที่จะ Wait-and-see เพื่อรอความชัดเจนของการประชุม FOMC ในสัปดาห์หน้า

 

ประเด็นสำคัญ

- Thailand: Opportunity Day: KISS TGE CSC TK ASK AMATA PRINC

- China: ตัวเลขเงินเฟ้อเดือน พ.ย. ตลาดคาดว่าอยู่ที่ 2.1%YoY (vs เดือน ต.ค. 1.6% YoY)

- US: ตัวเลข PPI เดือน พ.ย. คาดอยู่ที่ 6.7% (vs เดือน ต.ค. 5.9%)

 

Global Market Summary: วันทำการที่ผ่านมา

- ตลาดหุ้นไทยปิดลบต่อเนื่องเป็นวันที่ 4: SET Index เผชิญแรงขายกดดันตั้งแต่ช่วงเปิดตลาด ก่อนจะแกว่งตัวในกรอบแคบตลาดทั้งวัน ปิดที่ 1,620.49 จุด -1.79 จุด วอลุ่มซื้อขาย 4.2 หมื่นล้านบาท นำลบโดยกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ -1.43% กลุ่มพลังงานและสาธารณูปโภค -0.75% กลุ่มการแพทย์ -0.61% กลุ่มพาณิชย์ -0.11% หุ้นบวก >4% PRI VGI MTW THCOM Q-CON AAI BE8 A5 TKT TPBI หุ้นลบ >4% ESSO AUCT NATION FVC S&J PROUD

+/- หุ้นสหรัฐฯ ปิดบวก ส่วนหุ้นยุโรปปิดคละ: DJIA +0.55% S&P500 +0.75% NASDAQ +1.13% ได้แรงหนุนจากตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการการว่างงานในสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้น ทำให้นักลงทุนคาดว่าอาจเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าเฟดจะชะลอการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ในไม่ช้านี้ โดยหุ้น 9 ใน 11 กลุ่มในดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก นำโดยหุ้นกลุ่มเทคฯ และหุ้นกลุ่มผู้ผลิตยา ส่วนหุ้นยุโรป CAC40 -0.20% DAX +0.02% FTSE -0.23% โดยถูกกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย นอกจากนี้ นักลงทุนยังชะลอการซื้อหุ้น เนื่องจากวิตกเกี่ยวกับการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางรายใหญ่ อาทิ เฟด และ ECB ในสัปดาห์หน้า

 

 

 

+/- ราคาน้ำมันดิบปิดลบ ส่วนทองคำปิดบวก: WTI -55 เซนต์ ปิดที่ 71.46/บาร์เรล Brent -USD1.02 ปิดที่ USD76.15/บาร์เรล ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นในช่วงแรกของการซื้อขาย หลังจากบริษัท ทีซี เอนเนอร์จี (TC Energy) ของแคนาดา ประกาศปิดท่อส่งน้ำมัน Keystone ซึ่งเป็นท่อส่งน้ำมันจากรัฐแอลเบอร์ตาของแคนาดาไปสู่แถบกัลฟ์โคสต์และมิดเวสต์ของสหรัฐฯ เนื่องจากพบการรั่วไหลก่อนจะพลิกกลับมาปิดลบ เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลว่าการชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก จะส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันลดน้อยลงด้วย ส่วนราคาทองคำ +USD3.50 ปิดที่ USD1,801.50/ออนซ์ โดยได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ -0.31% ขณะที่มีรายงานที่ว่าธนาคารกลางจีนกำลังเข้าซื้อทองคำ รวมทั้งคาดการณ์ว่าความต้องการทองคำในจีนจะเพิ่มขึ้นอย่างมากเมื่อจีนมีการเปิดประเทศ

 

ประเด็นสำคัญ

+ Thailand: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือน พ.ย. 2022 อยู่ที่ 47.9 ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 และอยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 20 เดือน นับตั้งแต่เดือน เม.ย. 2021 อยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับช่วงก่อนเกิด COVID-19 ผู้บริโภคมองเศรษฐกิจไทยเริ่มฟื้นตัวดีขึ้น และเริ่มดำเนินชีวิตอยู่ร่วมกับ COVID-19 ได้ จึงทำให้เริ่มมีกำรจับจ่ายใช้สอย ซื้อรถยนต์ ซื้อบ้าน และเดินทางท่องเที่ยว โดยเชื่อว่าในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้จะมีเงินสะพัดราว 1 แสนล้านบาท ใกล้เคียงกับช่วงก่อน COVID-19 ที่จะมีเงินสะพัดราว 1.2-1.3 แสนล้านบาท

+ Thailand: กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-3 ธ.ค. 2022 ประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติสะสม จำนวน 9,092,302 คน มีรายได้จากการท่องเที่ยวสะสมประมาณ 3.01 แสนล้านบาท โดยนักท่องเที่ยวจากประเทศที่เดินทางเข้าไทยสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ มาเลเซีย รองลงมา อินเดีย สิงคโปร์ ลาว และเกาหลีใต้

+ US: กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 4,000 ราย สู่ระดับ 230,000 ราย ในสัปดาห์ที่แล้ว และสอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ขณะเดียวกันกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ รายงานว่าจำนวนชาวอเมริกันที่ยังคงขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่องเพิ่มขึ้น 62,000 ราย สู่ระดับ 1.67 ล้านราย

กลยุทธ์การลงทุน แนะนำ Trading Buy (โดยมีจุดขายตัดขาดทุน 3%)

หุ้นแนะนำรายสัปดาห์: CPN CPALL MINT

หุ้นแนะนำเก็งกำไร: BEM JMT KTC

Derivatives: ทยอยปิด Short S50Z22 ทำกำไร