PTTEP แผนลงทุนห้าปี (2566-70F) (9 ธ.ค. 2565)

PTTEP แผนลงทุนห้าปี (2566-70F) (9 ธ.ค. 2565)

ปรับประมาณการกำไรเต็มปีและปรับลดราคาเป้าหมาย

คาดว่าปริมาณยอดขายจะโต 3.3% CAGR ในอีกห้าปีข้างหน้า

PTTEP คาดว่าปริมาณยอดขายในปี 2566F จะแทบไม่เปลี่ยนแปลง YoY ที่ 470KBOED เพราะการผลิตที่เพิ่มขึ้นจากโครงการเอราวัณจะหักล้างไปกับการผลิตที่ลดลงจากตะวันออกกลาง และการเริ่มเปิดดำเนินการโครงการบงกชใต้ภายใต้สัญญา production sharing contract (PSC) ฉบับใหม่ในเดือนมีนาคม 2566 นอกจากนี้ ยังคาดว่าปริมาณยอดขายของบริษัทจะเพิ่มขึ้น 9% YoY เป็น 510KBOED ในปี 2567F และเพิ่มขึ้นอีก 5% YoY เป็น 535KBOED ในปี 2568F เนื่องจากโครงการเอราวัณจะเร่งการผลิตเต็มกำลังการผลิตตาม PSC ที่ 800mmscfd ภายในเดือนเมษายน 2567 จาก 200-250mmscfd ใน 3Q65 ทั้งนี้ ในประมาณการยอดขายของโครงการเอราวัณคำนวณโดยใช้สมมติฐานว่าการลงทุนในอีกห้าปี ข้างหน้าของพันธมิตรของโครงการ (Mubadala Petroleum ซึ่งถือหุ้น 40% ในโครงการเอราวัณ) จะไม่ใส่เงินลงทุนเข้ามา ซึ่งหมายความว่า PTTEP จะเป็นผู้ลงทุนเพียงรายเดียว และจะรับรู้ทั้งรายได้และต้นทุนทั้งหมดของโครงการ แต่อย่างไรก็ตาม ปริมาณยอดขายของ PTTEP ในปี 2569-70F น่าจะค่อนข้างนิ่งหรือลดลงเล็กน้อย เนื่องจากคาดว่าปริมาณยอดขายจากโครงการ S1 ในประเทศไทย และโครงการYadana ในประเทศพม่าจะลดลงเพราะแหล่งปิโตรเลียมของทั้งสองโครงการเข้าสู่ช่วงอิ่มตัว นอกจากนี้ บริษัทยังคาดว่าการเริ่มผลิตก๊าซในโครงการ Mozambique LNG กำลังการผลิต 13MTA อาจจะต้องเลื่อนจาก 2H68 ไปเป็น 1H70 ซึ่งขึ้นอยู่กับการกลับเข้าไซต์งานก่อสร้าง

 

 

 

แผนลงทุนห้าปี 2.91 หมื่นล้านดอลลาร์ฯ

PTTEP ปรับเพิ่มงบลงทุนห้าปีสำหรับปี 2566-70F เป็น 2.91 หมื่นล้านดอลลาร์ฯ จากแผนเดินสำหรับปี 2565-69F ที่ 2.72 หมื่นล้านดอลลาร์ฯ เพราะมีการลงทุนเพิ่มแทน Mubadala Petroleum อีกในสัดส่วน 40% ของโครงการเอราวัณ ทั้งนี้งบลงทุนล่าสุดประกอบด้วย i) CAPEX 1.81 หมื่นล้านดอลลาร์ฯ และ ii) OPEX 1.10 หมื่นล้านดอลลาร์ฯ ในขณะที่ค่าใช้จ่ายด้าน ESG และ decarbonize ประมาณ 500 ล้านดอลลาร์ฯ รวมอยู่ในงบห้าปีเรียบร้อยแล้ว

 

ปรับประมาณการกำไรปี 2565-66F เล็กน้อย

เราปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2565F ขึ้นอีก 7% เป็น 7.16 หมื่นล้านบาท เนื่องจากเราปรับลดผลขาดทุนจากการป้องกันความเสี่ยงลง 90% เหลือ 1.0 พันล้านบาท จากประมาณการเดิมที่ 1 หมื่นล้านบาทหลังจากที่ราคาน้ำมันดิบดูไบลดลงมาจาก US$113/bbl ในเดือนมิถุนายน มาอยู่ที่ประมาณ US$80/bbl แต่อย่างไรก็ตาม เราเพิ่มประมาณการผลขาดทุนพิเศษสองรายการ จากการขายเงินลงทุนของทุกโครงการในประเทศบราซิล 95 ล้านดอลลาร์ฯ ใน 3Q65 และจากการชำระเงินจำนวน 129 ล้านดอลลาร์ฯ เพื่อระงับการดำเนินคดีแบบกลุ่มทั้งหมดกับกลุ่มผู้เลี้ยงสาหร่ายในประเทศอินโดนีเซีย ในขณะที่เราปรับ
ลดประมาณการกำไรปี 2566F ลง 1% เหลือ 6.84 หมื่นล้านบาท เนื่องจากเราปรับลดปริมาณยอดขายลง 3 % เหลือ 470KBOED ในปีหน้า

 

 

 

 

Valuation & Action

เราปรับลดราคาเป้าหมาย DCF ปี 2566 ลงเหลือ 172.00 บาท จากเดิมที่ 173.00 บาท (ใช้ WACC ที่ 8.7% และ terminal growth ที่ 1.0%) เพื่อสะท้อนถึงการปรับลดประมาณการกำไรปี 2566

 

Risks

ความผันผวนของราคาน้ำมันดิบและ ก๊าซ