จิตวิทยาการลงทุนเป็นบวกทั้งในและนอกประเทศ

จิตวิทยาการลงทุนเป็นบวกทั้งในและนอกประเทศ

ดอกเบี้ยขึ้นค่อยเป็นค่อยไปส่วนการเลือกตั้งเดินหน้าต่อ ในประเทศมีปัจจัยบวกสำคัญ 2 เรื่อง ได้แก่ 1) กนง.ขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ตามคลาดคาด ทำให้ดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ 1.25% ขณะที่ปีหน้าตลาดคาดกนง.ขึ้นดอกเบี้ยอีก 2-3 รอบ

ซึ่งจะทำให้ดอกเบี้ยนโยบายขึ้นไปอยู่ที่ 1.75-2.0% ซึ่งเป็นการเพิ่มในลักษณะค่อยเป็นค่อยไปที่จะกระทบกับธุรกิจจำกัด และหนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ 2) การเดินหน้าสู่การเลือกตั้ง หลังศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 7:2 วินิจฉัยว่า พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ไม่ขัดรัฐธรรมนูญ (บัตร 2 ใบ และส.ส.บัญชีรายชื่อหาร 100) ทำให้ไทยเดินหน้าสู่การเลือกตั้ง ซึ่งหากไม่ยุบสภา ส.ส.ปัจจุบันจะมีวาระถึง 24 มี.ค.66 และการเลือกตั้งน่าจะเกิดช่วง พ.ค.66 // การศึกษาของเราพบว่า Election rally ในอดีตในช่วง 3-6 เดือนก่อนเลือกตั้งไม่ค่อยชัดเจนนัก แต่กลุ่มที่ได้อานิสงค์เชิงบวกมักอิงเศรษฐกิจในประเทศและการบริโภค จากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่ทยอยออกมาก่อนเลือกตั้ง ซึ่งบวกต่อ ธนาคาร, ค้าปลีก, สื่อสาร, บันเทิง, อสังหาริมทรัพย์, โรงแรม และวัสดุก่อสร้าง ตามลำดับ
 

ประธานเฟดส่งสัญญาณบวกยิ่งกว่าที่ตลาดคาดหวัง ถ้อยแถลงของเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณเป็นบวกยิ่งกว่าตลาดคาด โดยมีประเด็นสำคัญได้แก่ 1) มีแนวโน้มที่ดอกเบี้ยจะขึ้นในอัตราที่ชะลอตัวลง ซึ่งสอดคล้องกับมุมมองของเราและที่ตลาดคาด 2) เรื่องเงินเฟ้อ ราคาพลังงานและอาหารไม่ใช่ปัญหา และเฟดมองที่รายได้ รวมถึงค่าเช่าบ้าน ซึ่งเฟดเชื่อว่าจะชะลอตัวลงในปีหน้า 3) มองว่าการชะลอตัวทางเศรษฐกิจแบบค่อยเป็นค่อยไป (soft landing) เริ่มดูมีความเป็นไปได้มาก (very plausible) ซึ่งเป็นทิศทางที่ดีกว่าการแสดงความเห็นครั้งก่อนๆหน้า ที่มองว่าเป็นไปได้ยาก // ภาพรวมข้อมูลจากการแถลงเมื่อคืนจึงเป็นบวกต่อการฟ้นตัวของหุ้นและสินทรัพย์เสี่ยงในระยะกลาง-ยาว แม้อาจมีแรงขายทำกำไรสลับบ้างในการขึ้นทดสอบแนวต้าน Downtrend ของดัชนีสำคัญๆ อาทิ S&P500 (4,090 จุด) และ CSI300 (4,100 จุด) ส่วน SET Index (1,650 จุด)

 


 

ประเด็นลงทุนที่น่าสนใจ 1) ฟื้นตัวจากเศรษฐกิจและเปิดเมือง BBL, SCB, MINT, SPA, VRANDA, TNR, KISS, CPN, CRC, CPALL, MAKRO, MAJOR  2) การขายไฟพลังงานมทดแทน 5200MW GULF, GUNKUL, BCPG, SSP 3) อัตราผลตอบแทนพันธบัตรผ่านจุดสูงสุด ADVANC, EGCO, RATCH 4) อสังหาริมทรัพย์ SPALI, AP, LH, ASW 5) หุ้นเข้า FTSE (มีผล 16 ธ.ค.) ได้แก่ TLI และ PLUS 6) มีโอกาสเข้า SET50 ได้แก่ DELTA, RATCH, COM7 / มีโอกาสหลุด SET50 ได้แก่ SAWAD, BLA, KCE 7) หุ้นที่น่าสนใจอื่นๆ STP, TNR, DMT, TVDH, KLINIQ

 

ภาพรวมกลยุทธ์: ลุ้นการผ่าน 1,650 เพื่อเปลี่ยนแนวโน้มจากแกว่งเป็นขึ้น กลยุทธ์ในภาพใหญ่ไม่เปลี่ยน คือ เน้นกลุ่มหุ้นเปิดเมือง และบริโภคในประเทศที่ฟื้นตัวตามเศรษฐกิจ สอดรับกับการเดินหน้าสู่การเลือกตั้ง และสามารถเลือกกลุ่มไฟฟ้าและลพังงานทดแทนที่จะประกาศผู้ผ่านคุณสมบัติ 9 ธ.ค. //หุ้นแนะนำ: CPALL*, MAJOR*, TIDLOR*, BANPU*
แนวรับ: 1,627 / แนวต้าน : 1,650-1,680 จุด สัดส่วน : เงินสด 50% : พอร์ตหุ้น 50%
 

 

 

ประเด็นการลงทุน

สหรัฐเผย GDP +2.9% ใน Q3/65 สูงกว่าคาดการณ์ – ตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 สำหรับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 3 ขยายตัว 2.9% ในไตรมาสดังกล่าว สูงกว่าตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 2.6% และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 2.7%

สหรัฐเผยตัวเลขเปิดรับสมัครงานสอดคล้องคาดการณ์ - ผลสำรวจการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) พบว่า ตัวเลขการเปิดรับสมัครงาน ซึ่งเป็นมาตรวัดอุปสงค์ในตลาดแรงงาน ลดลง 353,000 ตำแหน่ง สู่ระดับ 10.3 ล้านตำแหน่งในเดือนต.ค. และสอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

สหรัฐเผยดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขายปรับตัวลงเป็นเดือนที่ 5 - ลดลง 4.6% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าดัชนีลดลง 5.0%

EIA เผยสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลงมากกว่าคาด - ลดลง 12.6 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลงเพียง 4.4 ล้านบาร์เรล

ยูโรสแตทเผยเงินเฟ้อยูโรโซนชะลอตัวสู่ 10.0% ในเดือนพ.ย. - ชะลอตัวสู่ระดับ 10.0% ในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบรายปี ขณะที่ก่อนหน้านี้พุ่งแตะ 10.6% ในเดือนต.ค.

FDI ในเวียดนามลดลง 5% ในช่วง 11 เดือนแรกของปีนี้ – ตัวเลขคาดการณ์มูลค่าการลงทุนจากต่างประเทศในเวียดนามช่วงเดือนม.ค.-พ.ย. อยู่ที่กว่า 2.51 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 5% เมื่อเทียบรายปี

Opportunity Day – 1 ธ.ค. LOXLEY, CPANEL, TTW, DEMCO, HARN, AIT, BCP / 2 ธ.ค. - SENAJ, MEGA, APCO, DITTO, BAFS, SCN, DUSIT / 6 ธ.ค. – SAWAD, NER, RT, MC, PORT, AMATAV, SHR / 7 ธ.ค. – PSTC, CRC, AIMRT, SA, SISB, SELIC, TEGH

 

ประเด็นติดตาม: 1 ธ.ค. – US Core PCE Price Index, ISM Manufacturing PMI / 2 ธ.ค. – Nonfarm Payrolls, Unemployment Rate / 5 ธ.ค. - ISM Non-Manufacturing PMI / 7 ธ.ค. – EU GDP Q3

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)