เลือกเล่นรายตัว (วันที่ 25 พฤศจิกายน 2565)

ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,624.96 จุด +0.56 จุด +0.03% มูลค่าการซื้อขาย 45,928 ลบ. ต่างชาติ +1,955.85 ลบ. TFEX -12,996 สัญญา ตราสารหนี้ -1,909.75 ลบ.

 

ปัจจัยบวก    

+/- ตลาดหุ้นสหรัฐและตลาดน้ำมัน WTI ปิดทำการเนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า
+ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาแอตแลนตา เปิดเผยว่า แบบจำลองคาดการณ์ GDPNow ล่าสุดแสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 4.3% ใน 4Q65 สูงกว่าระดับ 4.2% ในครั้งก่อน (GDP 1Q65 หดตัว 1.6% 2Q65 หดตัว 0.6%)
+ ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจของเยอรมนีปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 86.3 ในเดือนพ.ย. และสูงกว่าคาดการณ์โดยได้แรงหนุนจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจใน 3Q65 และการที่เยอรมนีสามารถกักเก็บก๊าซธรรมชาติได้เต็มจำนวนตามเป้าหมายช่วยคลายความกังวลเกี่ยวกับการขาดแคลนพลังงานในฤดูหนาว
+ กองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า 1 ม.ค.-19 พ.ย. 65 ประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 8,206,035 คน มีรายได้จากการท่องเที่ยวสะสมประมาณ 2.81 แสนล้านบาท จากนักท่องเที่ยว มาเลเซีย อินเดีย สิงคโปร์ ลาว และเวียดนาม
+ ส.อ.ท. เปิดเผยว่า ยอดส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป ในเดือนต.ค.65 เพิ่มขึ้น 15.51%YoY จากการส่งออกรถ PPV รถยนต์นั่ง และรถกระบะจากการได้รับชิ้นส่วนเซมิคอนดัก-เตอร์เพิ่มขึ้นในรถยนต์นั่งและรถ PPV บางรุ่น ส่งออกเพิ่มขึ้นในตลาดออสเตรเลีย ตะวันออกกลาง และตลาดแอฟริกา มูลค่าการส่งออก 84,917.32 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.91%YoY เนื่องจากผู้ผลิตได้รับส่งมอบชิปเพิ่มขึ้น

 

ปัจจัยลบ  

- รัสเซียประกาศว่าจะไม่จัดส่งน้ำมันให้แก่กลุ่มประเทศที่เข้าร่วมการกำหนดเพดานราคาน้ำมันรัสเซีย ขณะที่ผู้ผลิตน้ำมันหลายประเทศก็จะใช้มาตรการนี้เช่นกัน
 

- ธนาคารกลางสวีเดนมีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.75% สู่ระดับ 2.50% พร้อมส่งสัญญาณว่าจะคุมเข้มนโยบายการเงินเพิ่มเติมในปีหน้าเพื่อลดความเสี่ยงที่อัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูง
- ธนาคารกสิกรไทยประเมินแนวโน้มค่าเงินบาทมีโอกาสพลิกกลับมาแข็งค่าจากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มีมากขึ้นในปี 66 คาดว่าจะมี 20 ล้านคน คาดค่าเงินบาทปี 66 อยู่ที่ 33.50-34 บาทต่อดอลลาร์ หลังจากสิ้นปี 65 คาดเงินบาทจะอยู่ที่ 35.5-36 บาทต่อดอลลาร์เป็นปัจจัยลบต่อการส่งออกปี 66
- สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) ชี้ส่งออกประเดิมติดลบ 3% ครั้งแรกใน 4Q65 ส่วนปี 66 คาดส่งออกขยายตัว 2-3% รับพิษเศรษฐกิจโลกชะลอ เงินเฟ้อพุ่ง ค่าเงินบาทผันผวน

 

แนวโน้มตลาดวันนี้

คาดดัชนีในวันนี้แกว่งตัวออกข้างโดยถูกกดดันจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสวีเดนวานนี้ สอดคล้องกับคาดการณ์จากเฟดที่มองว่าผลกระทบจากการเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางทั่วโลกจะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐมีโอกาสเข้าสู่ภาวะถดถอยในปี 2566 เป็นปัจจัยกดดันต่อดัชนีในวันนี้ คาดกรอบดัชนีในวันนี้ที่ 1,618-1,632 จุด

 

กลยุทธ์การลงทุน

• ลุ้น เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5-มาตรการกระตุ้นท่องเที่ยว เข้าครม. 28 พ.ย. : ERW CENTEL VRANDA ASAP SPA AAV BA AOT
• ลุ้นมาตรการอุดหนุน EV เข้า ครม. เดือน พ.ย. นี้ : EA NEX BYD GPSC
• MSCI Rebalancing มีผล 30 พ.ย. : MSCI Global Standard หุ้นเข้า : - , หุ้นออก : BAM
MSCI Global Small Cap หุ้นเข้า: BAM, ERW, JWD, NEX, RAM หุ้นออก: PSG, SYNEX
• FTSE : Mid Cap หุ้นเข้า TLI
• ช็อปดีมีคืนปี 66 : BJC CPALL MAKRO CRC COM7 SPVI CPW JMART HMPRO ZEN M AU

 

หุ้นรายงานพิเศษ  

                                 KISS (Bloomberg Consensus 11.10 บาท) “เป้ารายได้ปี 66 เติบโต

                                      30-40% จากการออกสินค้าใหม่ และเน้นตลาดต่างประเทศ”

•งวด 3Q65 บริษัทมีกำไรสุทธิ 37 ลบ. +58.4%YoY, +20.4%QoQ รายได้จากการขายสินค้าและบริการ ที่ 235 ลบ. +49.3%YoY, +22.4%QoQ สาเหตุหลักจาก รายได้แต่ละกลุ่มผลิตภัณฑ์เติบโตต่อเนื่อง ตามทิศทางเศรษฐกิจที่เติบโตต่อเนื่อง โดยมี %GPM ที่ระดับ 49.0% ลดลงเล็กน้อย YoY และ QoQ(3Q64 = 50.1%, 2Q65 = 55.1%) จากการเพิ่มสัดส่วนสินค้าผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ที่มีอัตรากำไรขั้นต้นต่ำ ช่วง 9M65 บริษัทมีกำไรสุทธิ 87 ลบ. -12.1%YoY

•Outlook ใน 4Q65 บริษัทคาด เติบโต QoQ, YoY พร้อมคงแผนการออกสินค้าใหม่ 15-20 SKUs เน้นการขยายสินค้าแบรนด์ Rojukiss และ Sis2Sis สำหรับปี66 ผู้บริหารตั้งเป้ารายได้เติบโต 30-40% และ ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ 25-30 SKUs

•ความเห็น เรามีมุมมองเชิงบวกต่อผลการดำเนินงานในช่วงที่เหลือของปี และการเติบโตต่อเนื่องในปี 66 มีปัจจัยสนับสนุนส่วนหนึ่งจากสินค้า VAILL COVITRAP สเปรย์พ่นจมูกดักจับโควิดโดยกำไรในช่วง 9M65 คิดเป็น 60% ของประมาณการเฉลี่ย Bloomberg Consensus และกำไรเฉลี่ยปี 66 ที่ 190 ลบ. คิดเป็นการเติบโต 30%YoY โดยราคาหุ้นปัจจุบัน มี P/E ที่ระดับ 53x เทียบกับอุตสาหกรรมที่ 13x เราจึงแนะนำ ซื้อเมื่ออ่อนตัว

 

หุ้นมีข่าว

(+) SAT ( Bloomberg Consensus 24.20 บาท) เจรจาพันธมิตร ต่อยอดขยายธุรกิจ EV Platforms สร้างโอกาสเติบโต เผยบริษัท S Tron เดินหน้าโครงการไพรอทโปรเจ็กต์ ผลิตสามล้อไฟฟ้าให้แก่ 7-eleven เพื่อใช้เป็นยานพาหนะสำหรับจัดส่งสินค้าเดลิเวอรี รวมถึง Flash ส่วนการผลิต EV Bus จะเห็นความชัดเจนในปี 2566 มั่นใจผลประกอบการโต ออเดอร์พรึ่บ ตั้งงบ 400-500 ล้านบาท ปรับปรุงผลิต (ที่มา ทันหุ้น)

(+) JMART ( Bloomberg Consensus 59.00 บาท) ซุ่มดีลร่วมทุนพาร์ตเนอร์ใหม่ หวังต่อยอดธุรกิจเพิ่ม คาดชัดเจนสัปดาห์หน้า พร้อมปักธงปี 2566 กำไรเติบโต 50% จากปี 2565 อานิสงส์ฐานธุรกิจโตเด่น-ธุรกิจใหม่หนุน ส่วนโค้งท้ายคาดผลงานนิวไฮ รับอานิสงส์ธุรกิจทุกกลุ่มเข้าไฮซีซัน-เก็บเกี่ยวเงินลงทุน "สุกี้ตี๋น้อย“ (ที่มา ทันหุ้น)

(+) ILM (Bloomberg consensus 22.80 บาท) กางแผนเปิดสาขา Index Living Mall ปี 2566 เพิ่ม 2 สาขา คาดใช้งบลงทุนต่อ 1 สาขา ราวๆ 100 ล้านบาท ลุยขยายพื้นที่เช่าประมาณ 5,000-8,000 ตารางเมตร ล่าสุดเตรียมเปิดสาขา Index Living Mall ลาดกระบัง หวังช่วยดันยอดขาย พร้อมตั้งเป้ารายได้แตะ 10,000 ล้านบาท ภายใน 1-2 ปีนี้ (ที่มา ทันหุ้น)

(+) CHG (Bloomberg consensus 4.10 บาท) ฟุ้งยอดตรวจ-ดูแลสุขภาพ คนไข้ Non-Covid ล้น หนุนอัตราการใช้พื้นที่เตียงในไตรมาส 4/2565 ยืนเหนือ 80% พร้อมเดินหน้าขยายบริการรับบริหารโรงพยาบาล-ศูนย์เฉพาะทางเพิ่ม มั่นใจรายได้รวมปี 2565 โตเข้าเป้า 20-25% แตะ 1 หมื่นล้านบาท เมื่อเทียบกับฐานปี 2563 (ที่มา ทันหุ้น)