เริ่มเห็นแรงปรับพอร์ตหุ้นเล็ก มายังหุ้นกลาง-ใหญ่มากขึ้น

เริ่มเห็นแรงปรับพอร์ตหุ้นเล็ก มายังหุ้นกลาง-ใหญ่มากขึ้น

เงินเฟ้อผู้ผลิตสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นต่ำคาด ตัวเลขเงินเฟ้อผู้ผลิต (PPI) เดือน ต.ค.เพิ่มขึ้น 8.0% YoY (ต่ำกว่าคาดที่ 8.3% และ 8.4% ในเดือนที่ผ่านมา) และ 0.2% MoM (ต่ำกว่าคาดที่ 0.4% และทรงตัวเทียบ 0.2% ในเดือนที่ผ่านมา)

การชะลอตัวของเงินเฟ้อผู้ผลิต ค่อนข้างเป็นสัญญาณยืนยันการผ่านจุดสูงสุดไปแล้วของเงินเฟ้อ และช่วยลดคาดการณ์เกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยสูงสุด (Terminal rate) ของธนาคารกลางสหรัฐฯ ให้ปรับลดลงเหลือ 4.87% (จากสูงสุด 5.13% เมื่อ 7 พ.ย.ที่ผ่านมา) ขณะที่ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ปรับลดลงทุกช่วงอายุ โดยผลตอบแทนพันธบัตร 10 ปี ล่าสุดอยู่ที่ 3.78% (จากสูงสุดที่ 4.33% เมื่อ 21 ต.ค.) ภาพดังกล่าวยืนยันมุมมองของเราที่ประเมินผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ใกล้สูงสุด ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกให้แก่หุ้นที่เป็นกลุ่มไวต่ออัตราผลตอบแทนพันธบัตร (ส่วนใหญ่เป็นหุ้นปลอดภัยหรือ defensive) ที่ถูกกดดันจากการปรับขึ้นของผลตอบแทนพันธบัตรมาตลอด 2 ปี ที่ผ่านมา จะมีโอกาสเริ่มฟื้นตัวดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มสื่อสาร, ไฟฟ้า รวมถึงกองรีทส์

 

ภาพการลงทุนช่วงสั้นอาจชะลอหรือเคลื่อนไหวในลักษณะแกว่งตัว หุ้นและสินทรัพย์เสี่ยงอาจเริ่มเคลื่อนไหวในทิศทางทรงตัวหลังตอบรับปัจจัยบวกจากเงินเฟ้อสหรัฐฯ ที่ต่ำคาดไปแล้ว ขณะที่ในระยะสั้นบรรยากาศลงทุนภูมิภาคอาจกลับมาถูกกดดันจากข่าวขีปนาวุธรัสเซียตกในโปแลนด์ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย เสี่ยงต่อการใช้กำลังทหารของ NATO ซึ่งจะเพิ่มความซับซ้อนของเหตุการณ์ สำหรับหุ้นไทยช่วงสั้นอาจชะลอจาก 1) การเริ่มมีแรงทำกำไรสลับในกลุ่มหุ้นกลาง-เล็ก รวมถึงหุ้นที่ขึ้นมามาก ซึ่งตลาดอาจเริ่มหมุนไปยังกลุ่มหุ้นใหญ่ ตามทิศทางการลงทุนของต่างชาติในช่วงปลายปี และการกลับมาซื้อของนักลงทุนสถาบันจากการใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษี 2) เงินทุนต่างชาติที่อาจชะลอในระยะสั้น หลังค่าเงินบาทที่แข็งค่าเร็วลงมาในโซน 35.3-35.3 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ ลดทอนความน่าสนใจในการลงทุน ทั้งนี้เงินบาทอาจเกิดการอ่อนค่าทางเทคนิคกลับไปยัง 36.3-37.4 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ ได้

 

 

ประเด็นลงทุนที่น่าสนใจ 1) ฟื้นตัวจากเศรษฐกิจและเปิดเมือง BBL, SCB, MINT, SPA, VRANDA, TNR, KISS, CPN, CRC, CPALL, MAKRO  2) การขายไฟพลังงานมทดแทน 5200MW GULF, GUNKUL, BCPG, SSP 3) อัตราผลตอบแทนพันธบัตรผ่านจุดสูงสุด ADVANC, EGCO, RATCH 4) อสังหาริมทรัพย์ SPALI, AP, LH, ASW 5) หุ้นเข้า MSCI (มีผล 30 พ.ย.) BAM, ERW, JWD, NEX, RAM 6) มีโอกาสเข้า SET50 ได้แก่ DELTA, RATCH, COM7, CENTEL 

 

ภาพรวมกลยุทธ์: อาจผันผวนจากการปรับพอร์ตระยะสั้น แต่ยังมองบวกภาพระยะ 3-6 เดือน มอง SET แกว่ง 1,614-1,635 จุด และหากผ่าน 1,655 จุด จะทำให้ภาพทางเทคนิคเปลี่ยนแปลงไปเป็นบวกอย่างมีนัยสำคัญ กลยุทธ์ในภาพใหญ่ไม่เปลี่ยน คือ เน้นกลุ่มหุ้นเปิดเมือง และบริโภคในประเทศที่ฟื้นตัวตามเศรษฐกิจ //หุ้นแนะนำ: BCH*, SCGP*, DMT*, BCPG*

แนวรับ: 1,614 / แนวต้าน : 1,635 และ 1,655 จุด สัดส่วน : เงินสด 50% : พอร์ตหุ้น 50%
 

ประเด็นการลงทุน

สหรัฐเผยดัชนี PPI +8.0% เดือนต.ค. ต่ำกว่าคาดการณ์ – ดัชนี PPI ทั่วไป ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 8.0% yoy ในเดือนต.ค. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 8.3% และชะลอตัวจากระดับ 8.4% ในเดือนก.ย. และปรับตัวขึ้น 0.2% mom ในเดือนต.ค. ต่ำกว่าคาดการณ์ที่ 0.4% จากระดับ 0.2% ในเดือนก.ย.

ผลเลือกตั้งกลางเทอมใกล้ปิดฉาก เดโมแครตครองสภาสูง รีพับลิกันครองสภาล่าง – สำหรับสภาผู้แทนฯ รีพับริกันต้องการอีกเพียง 1 ที่นั่งจะได้คะแนนเสียงเกินกึ่งหนึ่งที่ 218 ที่นั่ง ขณะที่วุฒิสภา มีโอกาสที่คะแนนจะเท่ากันที่ 50:50 แต่เดโมแครตจะมีอำนาจเหนือสภาฯ จากสิทธิ์ชี้ขาดของ กมลา แฮร์ริส รองประธานาธิปดี ที่เป็นประธานวุฒิสภา โดยตำแหน่ง

ทรัมป์ เตรียมประกาศชิงเก้าอี้ปธน.สมัย 2 - โดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐ เตรียมประกาศลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยที่ 2 ในปี 2567 การประกาศดังกล่าวจะมีขึ้นเวลา 09.00 น.ตามเวลาไทย

ททท. คาด เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5-กระตุ้นท่องเที่ยว เข้าครม. 28 พ.ย. – ผู้ว่า ททท. เผยว่าได้มีการส่งเรื่องที่จะขอจัดสรรงบโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5 จำนวน 1.5 ล้านสิทธิ์ ใช้งบประมาณ 5,400 ล้านบาท จะสามารถเริ่มเร็วที่สุดเดือน ธ.ค.65 ซึ่งอยากให้วันสิ้นสุดโครงการครอบคลุมถึงวันที่ 30 เม.ย.66

ADVANC เดินหน้าซื้อ TTTBB-JASIF - ยันเป็นประโยชน์ระยะยาว คาดดีลเสร็จ Q1/66 แม้ว่าเงื่อนไขขอยกเลิกสัญญาประกันรายได้และการขอแก้ไขสัญญาเช่าหลักจะไม่ได้รับการอนุมัติ

SGC เคาะราคา IPO 3.90 บาท/หุ้น - บมจ. เอสจี แคปปิตอล (SGC) เตรียมเปิดจองซื้อสำหรับผู้ถือหุ้นของ บมจ. ซิงเกอร์ประเทศไทย (SINGER) ที่มีสิทธิได้รับการจัดสรรตามสัดส่วนการถือหุ้น

 

ประเด็นติดตาม: 16 พ.ย. – US Retail Sales / 17 พ.ย. – EU CPI, US Building Permits / 18 พ.ย. –US Existing Home Sales / 20 พ.ย. – TH GDP Q3 / 23 พ.ย. – US New Home Sales

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)