Weekly Market Strategy แรงหนุนจากฟันด์โฟลว์ยังดี

Weekly Market Strategy แรงหนุนจากฟันด์โฟลว์ยังดี

น่าจะขึ้นต่อได้ จากกระแสเงินทุนที่ยังคงไหลเข้าอย่างต่อเนื่อง ในสัปดาห์ที่แล้ว ตลาดหุ้นไทยพักฐานตามที่เราคาดไว้ในบทวิเคราะห์กลยุทธ์รายสัปดาห์

โดยในช่วงต้นสัปดาห์ ภาวะตลาดถูกกดดันจากแรงเทขายหุ้นในกลุ่มพลังงาน และปิโตรเคมีเนื่องจากผลประกอบการ 3Q65 ของบริษัทขนาดใหญ่ในกลุ่มอ่อนแอ นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูสถานการณ์เหตุการณ์สำคัญในสหรัฐ อย่างเช่น ผลการเลือกตั้งกลางเทอม และตัวเลข CPI เดือนตุลาคม ทั้งนี้ สินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก รวมถึงหุ้นไทยด้วย ดีดตัวขึ้นมาอย่างแข็งแกร่งหลังจากที่เงินเฟ้อสหรัฐออกมาต่ำกว่าที่คาด และทำให้นักลงทุนมั่นใจมากขึ้นว่า Fed น่าจะชะลอจังหวะการขึ้นดอกเบี้ยในเร็ว ๆ นี้

 

สำหรับแนวโน้มในสัปดาห์นี้ เราคาดว่าดัชนี SET จะขยับขึ้นต่อโดยได้แรงหนุนจากกระแสเงินทุนที่ยังคงไหลเข้าตลาดหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง เราคาดว่าเงินเฟ้อสหรัฐที่ต่ำเกินคาด และกระแสข่าวในประเทศเกี่ยวกับการที่ Japan Credit Rating (JCR) ปรับเพิ่มอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทยจาก A- เป็น A จะช่วยหนุนให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นต่อ และทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยลดลงไปอีก ในขณะเดียวกัน เราคาดว่าหุ้นเอเชียจะยังรักษาภาวะบวกต่อเนื่องจากสัปดาห์ที่แล้วได้ จากการที่จีนลดจำนวนวันที่ต้องกักตัวจาก 10 เหลือ 8 วัน สำหรับปัจจัยภายในประเทศ อาจจะมีการปรับลดประมาณการ EPS ปี 2565 ของ บจ. ไทยลงอีกหลังจากสิ้นสุดช่วงส่งงบ 3Q65 อย่างไรก็ตาม อัตราผลตอบแทนพันธบัตรไทยที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญน่าจะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยหนุนหุ้นไทย

ปัจจัยสำคัญคือข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐ, ผลการเลือกตั้งกลางเทอม และการปรับ EPS ของ บจ.ไทย

ปัจจัยภายนอก: ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐเดือนตุลาคม, ปาฐกถาของผู้บริหาร Fed และผลการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐ จะเป็นปัจจัยกำหนดทิศทางของตลาด หลังจากตลาดคลายกังวลกับประเด็นเงินเฟ้อลงไปบ้างแล้ว นักลงทุนกำลังจับตาตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐที่จะมีการประกาศออกมาในสัปดาห์นี้ ว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังแข็งแกร่ง หรือมีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยอยู่ ในขณะเดียวกัน ผู้บริหาร Fed หลายท่านมีกำหนดกล่าวปาฐกถาในสัปดาห์นี้ นอกจากนี้ ยังน่าจะมีการประกาศผลการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐที่สมบูรณ์มากขึ้นด้วย ซึ่งในขณะที่เราเขียนบทวิเคราะห์ฉบับนี้อยู่ สื่อในสหรัฐส่วนใหญ่คาดว่าพรรค Democrats จะยังรักษาเสียงส่วนใหญ่ในวุฒิสภาได้ในขณะที่พรรค Republicans น่าจะกวาดที่นั่งส่วนใหญ่ในสภาล่างได้

ปัจจัยภายในประเทศ: จบช่วงส่งงบ 3Q65 และการปรับประมาณการ EPS สัปดาห์นี้จะสิ้นสุดช่วงรายงานผลประกอบการ 3Q65 ทั้งนี้ เนื่องจากผลประกอบการของกลุ่มพลังงาน และปิโตรเคมี และบริษัทขนาดใหญ่บางแห่งออกมาต่ำเกินคาด ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้ที่อาจจะมีการปรับลดประมาณการ EPS ปี 2565 ของบริษัทจดทะเบียนไทยลงอีก อย่างไรก็ตาม สมมติฐานหลัก ๆ สำหรับปี 2566 ในภาพรวมยังดูนิ่ง ๆ ดังนั้น ประมาณการ EPS ปี 2566 จึงน่าจะยังทรงตัวอยู่ในระดับเดิม

 

 

ยังคงเน้นหุ้นขนาดใหญ่ในธีมการบริโภคในประเทศ และการท่องเที่ยว

เนื่องจากเรามองว่าจะยังมีกระแสเงินทุนไหลเข้ามาในตลาดหุ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่การใช้จ่ายบริโภคในภาคเอกชน และการท่องเที่ยวมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งใน 4Q65 และต่อเนื่องถึงปี 2566 ดังนั้น เราจึงแนะนำให้นักลงทุนยังคงเน้นหุ้นขนาดใหญ่ในกลุ่มธนาคาร และกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการบริโภค และการท่องเที่ยว ถึงแม้ว่าธนาคารไทยจะได้รับผลกระทบจากสภาวะตลาดในระยะสั้นอยู่บ้าง จากการที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรลดลงอย่างมาก แต่สภาวะเศรษฐกิจมหภาคที่แข็งแกร่ง และแรงหนุนจากกระแสเงินทุนไหลเข้าตลาดหุ้นทำให้เรายังมองบวกกับกลุ่มธนาคาร ทั้งนี้ หุ้นเด่นที่เราเลือกยังคงเป็น BBL*, KTB*, CPALL*, HMPRO*, AOT*, BDMS* และ ERW