ความคาดหวังเฟดลดเข้มงวดและโอเปคลดกำลังการผลิตหนุนตลาดช่วงสั้น

ความคาดหวังเฟดลดเข้มงวดและโอเปคลดกำลังการผลิตหนุนตลาดช่วงสั้น

การรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่ชะลอยังเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดระยะสั้น ตลาดหุ้นฟื้นตัวจากแรงเก็งกำไรว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ อาจลดระดับความเข้มงวดการดำเนินนโยบาย หลังการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ หลายตัวส่งสัญญาณว่าเศรษฐกิจเริ่มลดความร้อนแรงลง

ล่าสุดคือ รายงานการจ้างงาน (JOLTS) ส.ค. ที่อัตราการจ้างงานชะลอลงราว 10% ทำให้ตลาดมีแรงเก็งกำไรเชิงบวกก่อนการรายงานตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ 13 ต.ค.ที่ตลาดคาดว่าจะลอตัวลงเช่นกัน 

 

ติดตามการปรับลดกำลังการผลิตของโอเปคและพันธมิตร ราคาน้ำมันดิบยังคงปรับตัวสูงขึ้นจากกระแสคาดการณ์การปรับลดกำลังการผลิตของกลุ่มโอเปคและพันธมิตร (OPEC+) ที่ล่าสุดมีรายงานทางกลุ่มอาจปรับลดกำลังการผลิตลงสูงถึง 2 ล้านบาร์เรล/วัน ความตึงตัวของอุปทานน้ำมัน ประกอบกับการเข้าสู่หน้าหนาว ทำให้ราคาน้ำมันดิบมีโอกาสแกว่งตัวขึ้น ซึ่งเรามองกรอบการเคลื่อนไหวน้ำมันดิบเบรนท์ที่ 80-105 เหรียญฯ และด้วยราคาขายก๊าซธรรมชาติในไทยที่เป็นค่าเฉลี่ยทำให้ช้ากว่าราคาน้ำมันดิบ 6 เดือน จะทำให้กำไรของ PTTEP เดินหน้าเป็นขาขึ้นไปจนสูงสุดในไตรมาส 4/65 สำหรับกลุ่มโรงกลั่นผลประกอบการไตรมาส 3/65 จะแย่ลงมาก QoQ แต่ค่าการกลั่นที่ฟื้นตัวขึ้นหลังโรงกลั่นในต่างประเทศบางแห่งมีการประท้วงหยุดดำเนินงาน ทำให้หุ้นในกลุ่มมีโอกาสถูกดึงขึ้นมาเก็งกำไรในช่วงนี้ก่อนการประกาศผลประกอบการ
 

ภาพสั้นเน้นเก็งกำไรกลุ่มที่ลงมามาก ขณะที่ภาพระยะกลาง-ยาว กลุ่มเปิดเมืองยังเป็นธีมการลงทุนหลัก กลุ่มที่ปรับลดลงมากอาทิ อิเล็กทรอนิกส์ โรงกลั่น มีโอกาสฟื้นตัวจากแรงเก็งกำไรระยะสั้น ขณะที่ธีมการลงทุนกลาง-ยาว ยังเน้นในกลุ่มที่ผลประกอบการฟื้นตัวต่อเนื่องตามเศรษฐกิจและการเปิดประเทศ ซึ่งได้แก่หุ้นในกลุ่มเปิดเมือง (ท่องเที่ยว/ห้าง/ธนาคาร)   

 

ประเด็นเก็งกำไรอื่น 1) กลุ่มท่องเที่ยว AOT, CENTEL, ERW, MINT, BAFS, AAV, SHR, VRANDA, SPA 2) กลุ่มเปิดเมือง CPALL, MAKRO, MAJOR, MBK 3) มาตรการสนับสนุน EV ได้แก่ EA, GPSC, PIMO  4) หุ้นได้ประโยชน์จากการกระตุ้นเศรษฐกิจจีน BABA80, TENCENT80, CHINA, STAR5001 5) กลุ่มไฟฟ้าแผน PDP ใหม่ บวกกับ EGCO, RATCH, GULF, GUNKUL, SSP 6) เก็งกำไรทางเทคนิค CRC, RATCH, RS, SC, TH, TLI, BAM, EA, BAFS, CK, MBK, SAMART, ARIN, SVT, MC, TKN, SCGP 

 

ภาพรวมกลยุทธ์: แม้ยังมองยากว่าเป็นการฟื้นตัวจริงหรือแค่ short squeeze แต่กลยุทธ์ในภาพใหญ่ไม่เปลี่ยน คือ รอเลือกซื้อกลุ่มหุ้นเปิดเมือง (ซื้อ: ท่องเที่ยว ห้างสรรพสินค้า ธนาคาร กองรีทส์/ สะสมค้าปลีก การเงิน) ระยะสั้นกลุ่มที่ลงเยอะมีโอกาสเป็นเป้าหมายเก็งกำไร แต่ไม่ถือถึงงบออก ส่วนกลุ่มพลังงานสามารถเก็ง PTTEP ตามแนวรับ ส่วนหุ้นโรงกลั่นกำไรไตรมาส 3 ชะลอหนัก เก็งกำไรระมัดระวัง (ถ้าจะเลือก ชอบ SPRC) //หุ้นแนะนำ: SPRC*, BBL*, KISS, VRANDA*

แนวรับ: 1,568 / แนวต้าน : 1,590-1,605 จุด สัดส่วน : เงินสด 50% : พอร์ตหุ้น 50%

 


 

ประเด็นการลงทุน

ประธานเฟดซานฟรานฯหนุนขึ้นดอกเบี้ยจนกว่าเงินเฟ้อลดลงสู่ 2% - แมรี ดาลี กล่าวว่า เฟดจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป และคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับสูง จนกว่าเฟดจะมั่นใจว่าอัตราเงินเฟ้อปรับตัวลงสู่เป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2% 

เงินเฟ้อโตเกียวเร่งตัวขึ้นต่อเนื่องแตะ 2.8% – อัตราเงินเฟ้อในกรุงโตเกียวเร่งตัวขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 ในเดือนก.ย. โดยเป็นการปรับตัวขึ้นเร็วที่สุดนับตั้งแต่ปี 2535 เมื่อไม่รวมผลกระทบของการปรับขึ้นภาษี ซึ่งเพิ่มความท้าทายต่อธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ในการชี้แจงถึงเหตุผลที่ยังคงเดินหน้าดำเนินนโยบายการเงินเชิงผ่อนคลาย

ต่างชาติแห่ขายหุ้นเอเชียในก.ย. เลี่ยงปัจจัยเสี่ยงจากดอกเบี้ยขาขึ้น – ข้อมูลจากตลาดหุ้นของเกาหลีใต้ อินเดีย ไต้หวัน ฟิลิปปินส์ เวียดนาม อินโดนีเซีย และไทย บ่งชี้ว่า นักลงทุนต่างชาติได้เทขายหุ้นมูลค่ารวม 8.83 พันล้านดอลลาร์เมื่อเดือนที่แล้ว ซึ่งเป็นการขายรายเดือนครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา

เนเธอแลนด์เตรียมฆ่าไก่ 1.02 แสนตัว หวังคุมไข้หวัดนก – ฟาร์มในเมืองคีล-วินเดอเวียร์ หลังตรวจพบเชื้อไข้หวัดนกสายพันธุ์ที่สามารถแพร่ระบาดได้รวดเร็ว 

ยอดนทท.ต่างชาติเข้าไทยต้นปี-1 ต.ค. 5.6 ล้านคน - ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-1 ต.ค. 65 ประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติสะสมจำนวน 5,696,121 คน มีรายได้จากการท่องเที่ยวสะสมประมาณ 2.22 แสนล้านบาท โดยนักท่องเที่ยวสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ มาเลเซีย 985,617 คน รองลงมา คือ อินเดีย 569,020 คน สิงคโปร์ 314,437 คน เวียดนาม 217,033 คน และลาว 264,554 คน ตามลำดับ

สรท.มองส่งออกปีนี้มีลุ้นโตแตะ 8% จากเป้า 6-8% – ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) หรือสภาผู้ส่งออก เผยว่า ภาวะการส่งออกในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา (ม.ค.-ส.ค.65) ขยายตัวได้กว่า 11% ส่วนช่วงอีก 4 เดือนที่เหลือ (ก.ย.-ธ.ค.65) แม้ว่าการส่งออกจะไม่ขยายตัวเพิ่มขึ้น การส่งออกของปีนี้ก็ยังขยายตัวได้ 7% 

STARK ราคาขายหุ้นเพิ่มทุน PP ที่ 3.72 บ./หุ้น - หุ้นสามัญเพิ่มทุนคิดเป็น 11.2% 

เบทาโกร เคาะราคาขาย IPO หุ้นละ 40 บาท - เพื่อใช้เป็นเงินทุนในการเข้าซื้อและ/หรือก่อสร้างฟาร์มและโรงงานแห่งใหม่ ชำระหนี้ และใช้เป็นทุนหมุนเวียน

 

ประเด็นติดตาม: 5 ต.ค. – TH CPI, ISM Non-Manufacturing PMI, US Crude Oil Inventories / 6 ต.ค. – US Initial Jobless Claims / 7 ต.ค. – US Nonfarm Payrolls, Unemployment Rate / 12 ต.ค. – US PPI / 13 ต.ค. – US CPI / 14 ต.ค. - US Retail Sales

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)