Rebound หุ้นรายงานพิเศษ CEYE (29 ก.ย. 2565)
วันพุธที่ผ่านมา ดัชนีเคลื่อนไหวในแดนลบตลอดช่วงการซื้อขาย เป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในหลายประเทศที่ปรับตัวลง จากความกังวลภาวะเศรษฐกิจถดถอย แรงขายมีมากในหุ้นกลุ่มพลังงาน ปิโตรเคมี และขนส่ง
ในช่วงบ่ายกนง.มีมติเอกฉันท์ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% เป็น 1.00% ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่1,603.26 จุด -7.32 จุด -0.45% มูลค่าการซื้อขาย 69,726 ลบ.ต่างชาติ -208.48 ลบ. TFEX -21,765 สัญญา ตราสารหนี้ -3,477.48 ลบ.
ปัจจัยบวก
+ ดัชนีดาวโจนส์ พุ่งขึ้น 548.75 จุด +1.88% โดยได้ปัจจัยบวกจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่ปรับตัวลดลงหลังจาก BoE ประกาศรับซื้อพันธบัตรรัฐบาลโดยไม่จำกัดจำนวนเพื่อสร้างเสถียรภาพในตลาด ทั้งนี้ การปรับตัวลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรช่วยหนุนหุ้นทุกกลุ่ม รวมถึงหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีซึ่งมีความอ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย
+ สัญญาน้ำมันดิบ WTI พุ่งขึ้น 3.65 ดอลลาร์ +4.7% ปิดที่ 82.15 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำนดิบลดลงในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งบ่งชี้ว่าความต้องการใช้น้ำมันยังคงฟื้นตัว รวมถึงการอ่อนค่าของดอลลาร์ และผลกระทบของพายุ เฮอร์ริเคนเอียน (Ian) ที่เคลื่อนตัวเข้าสู่อ่าวเม็กซิโกซึ่งเป็นแหล่งผลิตน้ำมันนอกชายฝั่งของสหรัฐ
+ ตลท.เผย ต่างชาติถือครอง หุ้นไทย 5.11 ล้านล้าน สูงสุดรอบ 4 ปี ถือหุ้น กลุ่มพลังงานสูงสุด รองมาแบงก์ พบนักลงทุน อังกฤษลงทุนหุ้นไทยอันดับ 1 รองมา สิงคโปร์ ตามด้วยสวิตเซอร์แลนด์
+ สศอ. รายงานดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือน ส.ค.ที่ผ่านมา อยู่ที่ 99.28 ขยายตัวเพิ่มขึ้น 14.52%YoY และมีอัตราการใช้กำลังการผลิตภาคอุตสาหกรรม (CapU) อยู่ที่ 63.78% ถือเป็นค่าดัชนีและอัตราการใช้กำลังผลิตสูงสุดในรอบ 5 เดือนนับตั้งแต่เดือน เม.ย.65
+/- การประชุม กนง. มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายร้อยละ 0.25 ต่อปี จากร้อยละ 0.75 เป็นร้อยละ 1.00 ต่อปี โดยให้มีผลทันที ตามที่ตลาดคาดการณ์
+/- ศบค.รายงานยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ (รักษาตัวใน รพ.) เพิ่มอีก 637 ราย เสียชีวิต 10 คน หายป่วยกลับบ้านเพิ่ม 790 ราย
ปัจจัยลบ
- เงินหยวนในตลาดจีนและตลาดต่างประเทศอ่อนค่าทะลุระดับ 7.2 หยวนต่อดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับที่หยวนอ่อนค่ามากที่สุดนับตั้งแต่ต้นปี 2551 หรือในรอบ 14 ปี
- คณะผู้นำของรัสเซียประกาศชัยชนะในการทำประชามติผนวก 4 แคว้นของยูเครน ท่ามกลางกระแสประณามจากองค์การสหประชาชาติ (UN) หลังเผชิญความปราชัยอันน่าอดสูในสมรภูมิรบอย่างต่อเนื่อง
- EC กล่าวว่า การรั่วไหลของท่อส่งก๊าซนอร์ด สตรีม (Nord Stream) เกิดจากการก่อวินาศกรรม และเตือนว่าอาจจะมีการตอบโต้ขั้นรุนแรงที่สุด หากโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานของยุโรปถูกโจมตี
- OECD เปิดเผยรายงานคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจโลกในปี 2566 จะขยายตัว 2.2% ลดลงจากเดิมที่ระดับ 2.8% เนื่องจากเศรษฐกิจถูกกดดันจากการที่ธนาคารกลางในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วพากันใช้นโยบายคุมเข้มด้านการเงินเพื่อสกัดเงินเฟ้อ
แนวโน้มตลาดวันนี้
คาดดัชนีในวันนี้มีโอกาส Rebound ตามทิศทางตลาดโลก โดยมีแรงหนุนจาก BoE ประกาศรับซื้อพันธบัตรรัฐบาลโดยไม่จำกัดจำนวนเพื่อสร้างเสถียรภาพในตลาด ส่งผลให้ราคาพันธบัตรสหรัฐปรับตัวลดลง ประกอบกับราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ Rebound ขึ้นแรง หนุนหุ้นกลุ่มพลังงาน คาดกรอบดัชนีในวันนี้ที่ 1,600-1,620 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
• ผู้ป่วยต่างชาติเพิ่มขึ้น : BH BDMS D
• วิกฤติพลังงานยุโรป+จีนเริ่มใช้ถ่านหินผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้น : PRM VL BANPU LANNA AGE
• หุ้นซ่อมแซมหลังน้ำท่วม : GLOBAL DOHOME HMPRO TOA COTTO DCC TASCO
• ศบค. มีมติยกเลิกการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน : ERW CENTEL VRANDA ASAP SPA
• ตัวเลขส่งออกเดือน ส.ค. เติบโต : BRR KSL TFG GFPT ASIAN JUBILE
หุ้นรายงานพิเศษ
CEYE แนะนำซื้อ (ราคาเหมาะสม 7.12 บาทสำหรับปี 66)
คาดกำไร 3Q65 ฟื้นตัว QoQ และ YoY จากฐานต่ำ
•1H65 มีกำไร 22.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น145%YoY ส่วนทิศทางการดำเนินงานในช่วง 2H65 มีแนวโน้มดีกว่า 1H65 คาดรายได้ 3Q65 เติบโตจากความต้องการด้านครีเอทีฟและโปรดักชั่นโฆษณาที่เพิ่มขึ้น QoQ จากกำไรเพียง 0.8 ล้านบาทในงวด 2Q65 และเติบโต YoY จากช่วงที่มีการล็อกดาวน์บางส่วนอย่างมีนัยสำคัญ ขณะที่จะไม่มีค่าใช้จ่ายในการจัดงานบางกอกไพรด์ 2022 เรนโบว์โทเปีย และค่าใช้จ่ายในการ IPO เช่นที่เกิดขึ้นใน 2Q65
•ฝ่ายวิจัยปรับประมาณการกำไรปี 65 ลดลง 7% เพื่อสะท้อนถึงค่าใช้จ่ายพิเศษใน 2Q65 โดยคาดกำไรปี 65 ใหม่ราว 54 ล้านบาท ลดลงจากเดิม 7% แต่ยังเพิ่มขึ้น 90%YoY สำหรับปี 66 ประมาณการรายได้และกำไรสุทธิเท่ากับ 398 ล้านบาทและ 64 ล้านบาทซึ่งเติบโต 10% และ 19% ตามลำดับ ซึ่งมีปัจจัยสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจโฆษณาและแผนขยายงานออนไลน์โปรดักชั่นในต่างประเทศมากขึ้นจากเดิมที่ให้บริการเพียงภาพนิ่งเป็นหลัก
ความเห็น: ภาพรวมธุรกิจมีแนวโน้มฟื้นตัวชัดเจนต่อเนื่อง เราจึงปรับมาใช้ราคาเหมาะสมปี 2566 ซึ่งอิง Prospective PER ที่เพิ่มจากเดิม 21x เป็น 30x ซึ่งใกล้เคียงกับอัตราการเติบโตเฉลี่ย (CAGR) ระหว่างปี 64-66 (PER เฉลี่ยกลุ่ม media ในตลาด SET = 34x) จากประมาณ EPS ปี 66 ราว 0.237 บาทต่อหุ้น ประเมินราคาเหมาะสมได้เท่ากับ 7.12 บำท ซึ่งยังมี upside จึงแนะนำ “ซื้อ”
หุ้นมีข่าว
(+) NRF ( Bloomberg Consensus 7.20 บาท) OR จับมือ NRF รุกหนักพัฒนาธุรกิจโปรตีนพืช เซ็นเอ็มโอยูนาผลิตภัณฑ์และร้านค้าปลีกอาหาร เข้าพีทีที สเตชั่น ด้านบิ๊ก OR ชูดึงทราฟฟิกเข้ามามากขึ้น เดินหน้าเปิดร้าน alt.Eatery ในปั๊ม ด้าน NRF ชี้แพลนต์เบสช่วยลดคาร์บอน เตรียมขายขนมปังไส้หมูแดงเข้าอเมซอน (ที่มา ทันหุ้น)
(+) WPH ( Bloomberg Consensus - บาท) ยิ้มรับเปิดประเทศหนุนนักท่องเที่ยวต่างชาติไหลกลับเข้าไทย จับตาเข้าสู่ช่วงพีคพฤศจิกายน-ธันวาคมนี้ ดันสัดส่วนรายได้สิ้นปี 2565 แตะระดับ 10% และคาดในปีหน้าทะลุ 150 ล้านบาท มองผลงานไตรมาส 3/2565 เด่น แม้รายได้โควิด-19 คลายตัว แต่รายได้ Non-Covid เข้ามาชดเชยและทำได้ดีกว่าส่วนที่หายไป ต้นปีหน้าวัฒนแพทย์สมุยเปิด แย้มมีข่าวดีอีก (ที่มา ทันหุ้น)
(+) ITEL (Bloomberg consensus 5.95 บาท) รับทรัพย์ BS คว้างานติดตั้งอุปกรณ์เครือข่ายสายสัญญาณและอุปกรณ์ประกอบ Access Network System จาก กฟผ. โซนภาคใต้และภาคกลาง มูลค่างานรวมกันกว่า 317 ล้านบาท หนุน Backlog ของ BS แข็งแกร่ง ด้าน "ณัฐนัย อนันตรัมพร" แม่ทัพใหญ่ เผยปี 2565 เป็นปีที่ดีของบริษัทในการเติบโต พร้อมลุยประมูลงานใหม่ต่อเนื่อง (ที่มา ทันหุ้น)
(+) TKN (Bloomberg consensus 8.50 บาท) รุกทำตลาดหนักครึ่งปีหลัง 2565 เดินหน้าไลฟ์สดโปรโมตสินค้า โดยใช้พรีเซ็นเตอร์ดาราไทย ที่มีฐานกลุ่มแฟนคลับจำนวนมากหนุนยอดขายออนไลน์โต 150% เตรียมขนทัพสาหร่ายเจาะตลาด Mainstream ในตลาดสหรัฐและยุโรป โชว์พอร์ตขายจากสหรัฐครึ่งปีแรก 2565 เติบโตกว่า 70% (ที่มา ทันหุ้น)