AEONTS ประมาณการ 4Q65/66: จะเป็นไตรมาสที่กำไรต่ำสุด

AEONTS ประมาณการ 4Q65/66: จะเป็นไตรมาสที่กำไรต่ำสุด

ผลประกอบการจะอ่อนแอใน 4Q65/66F โดยมีกำไรสุทธิ 746 ล้านบาท (-32% QoQ and -18% YoY) เราคาดว่าผลประกอบการของ AEONTS จะอ่อนแอใน 4Q65/66F (สิ้นสุดเดือนกุมภาพันธ์ 2566)

เนื่องจากบริษัทขยายสินเชื่อ P-Loan และบัตรเครดิตอย่างระมัดระวัง และตั้งสำรองเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับ NPL ที่ยังคงสูงอยู่จากลูกค้าที่ทำงานในภาคการผลิต ดังนั้น เราจึงคาดว่ากำไรใน 4Q65/66F จะอยู่ที่ 746 ล้านบาท (-32% QoQ และ -18% YoY) โดยกำไรที่ลดลงอย่างมาก QoQ สะท้อนถึงฐานกำไรที่สูงใน 3Q65 เพราะมีกำไรพิเศษจากการขาย NPL ประมาณ 300 ล้านบาท ในขณะที่คาดว่าจะไม่มีรายการนี้ใน 4Q65/662F แต่หากไม่รวมกำไรพิเศษ และการตั้งสำรอง กำไรจากธุรกิจหลักใน 4Q65 จะทรงตัว QoQ และเพิ่มขึ้น 6% YoY

 

NPL เพิ่มขึ้นในอัตราที่ชะลอลง

เราคาดว่า gross NPL จะเพิ่มขึ้นประมาณ 5% QoQ โดยสัดส่วน NPL จะอยู่ที่ประมาณ 5.7-5.8% (เพิ่มขึ้นจาก 5.6% ใน 3Q65/66) ซึ่งเป็นอัตราการเพิ่มขึ้นที่ชะลอลงจากไตรมาสก่อนหน้า (หากไม่รวมการขาย NPL) เราคาดว่า Credit cost จะเพิ่มขึ้นเป็น 8.2% ใน 4Q65 (จากเฉลี่ย 7.9% ใน 2 ไตรมาสก่อนหน้า) เพื่อสะท้อนถึงโมเมนตัมการเติบโตของสินเชื่อ และเพื่อรองรับ NPL เราคาดว่า credit costs จะมีแนวโน้มลดลงตามคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีขึ้นช่วยสนับสนุนโมเมนตัมกำไรใน 1Q66/67F เป็นต้นไป

 

 

มี Upside จากโมเมนตัมสินเชื่อที่ดีขึ้น

เราว่า AEONTS อยู่ในสถานะที่จะบริหารให้ผลการดำเนินงานดีขึ้นได้ตามการจ้างงานที่เพิ่มขึ้นในภาคการท่องเที่ยว รวมถึงผลการดำเนินงานใน CLMV ด้วย (ส่วนใหญ่มาจากกัมพูชา) ทั้งนี้ บริษัทมีฐานลูกค้าใหญ่ที่สุดโดยมีผู้ถือบัตร 3.2 ล้านราย และมีบัญชีสินเชื่อ P-loan 6.5 ล้านบัญชี สำหรับกลุ่มสินเชื่อผู้บริโภค เราคาดว่ากลุ่มบัตรเครดิตจะดีขึ้นเร็วกว่ากลุ่มสินเชื่อจำนำทะเบียน หรือ P-loan นอกจากนี้ เนื่องจากสินเชื่อ P-loan มีความเสี่ยงสูง บริษัทจึงระมัดระวังกับการปล่อยสินเชื่อกลุ่มนี้ สำหรับในระยะต่อไป การจ้างงานที่เพิ่มขึ้นจะสนับสนุนให้มีการปล่อยสินเชื่อ P-loan เพิ่มขึ้นเพื่อเพิ่ม yield

 

Valuation and action

เนื่องจากผลประกอบการมีแนวโน้มจะอ่อนแอใน 4Q65F เราจึงปรับลดประมาณการกำไรปี 2565F (สิ้นสุดเดือนกุมภาพันธ์ 2566) ลง 8% และปี 2566F (สิ้นสุดเดือนกุมภาพันธ์ 2567) ลง 3% เพื่อสะท้อนถึง i) การปรับเพิ่มสมมติฐาน credit cost เป็น 753bps/660bps (จากเดิมที่ 710bps/660bps) ii) การปรับลดสมมติฐาน yield สินเชื่อเป็น 20.4%/20.6% (จากเดิมที่ 20.6%/21.1%) เนื่องจากสินเชื่อ P-Loan โตลดลงสินเชื่อบัตรเครดิตโตเพิ่มขึ้น เราขยับไปใช้ราคาเป้าหมายปี 2566F โดย re-rate PE เป็น 11.3x (เท่ากับค่าเฉลี่ยระยะยาว) จากเดิมที่ PE 10x ทำให้ได้ราคาเป้าหมายใหม่ที่ 210 บาทจากเดิมที่ 184 บาท ดังนั้น เราจึงปรับเพิ่มคำแนะนำเป็น Outperform จาก Neutral

 

Risks

อุปสงค์สินเชื่อชะลอตัวลงจากการที่เศรษฐกิจฟื้นตัวช้า, ความเสี่ยงด้านกฎเกณฑ์ทางการกดดัน yield สินเชื่อ, NPLs เพิ่มขึ้นจากกลุ่มลูกค้าระดับล่าง