Sideways Up เก็งกำไรระยะสั้น JMART AH KTC

Sideways Up เก็งกำไรระยะสั้น JMART AH KTC

คาดดัชนีฯ Sideways Up แนวต้าน 1,700/1,706 จุด แนวรับ 1,680/1,675 จุด ทางเทคนิค ดัชนีฯ มี Breakaway Gap และปิดเหนือ 1,690 จุดได้ เป็นสัญญาณซื้อเพิ่ม ทำให้วันนี้ ดัชนีฯ มีโอกาสทดสอบแนวต้านทางจิตวิทยาที่ 1,700 จุด

เชิงกลยุทธ์ คงคำแนะนำ เก็งกำไรระยะสั้น โดยเน้นหุ้นที่ยัง Laggard ซึ่งมีโอกาสปรับขึ้น จากการทำ Stock Rotation จาก หุ้นที่ปรับขึ้นมาแล้ว สู่หุ้นที่ยัง Laggard ขณะที่นักลงทุนที่มีสถานะถือครองหุ้นอยู่ แนะนำแบ่งขายทำกำไรบริเวณ 1,700 จุด หุ้นแนะนำ JMART AH KTC

 

กลยุทธ์การลงทุน แนะนำ

+ KTX Portfolio: CRC AWC BGRIM CENTEL GLOBAL BH BEM CPALL AOT BBL HANA KKP CPN MINT KTB TTB BDMS NEX (แนะนำขาย HMPRO ซื้อ HANA และ KKP)

+ Daily Recommendations: JMART (แนวรับ 40.50/40.00 บาท แนวต้าน 42.75/44.00 บาท) AH (แนวรับ 29.50/28.75 บาท แนวต้าน 31.50/33.00 บาท) KTC (แนวรับ 58.25/57.50 บาท แนวต้าน 60.00/61.50 บาท)

+ หุ้นกลุ่ม Reopening ที่มีแนวโน้มกำไรโดดเด่น: CENTEL ERW SHR BCH

+ หุ้นได้ประโยชน์จากมาตรการรัฐ: CPALL CRC SNNP HMPRO GLOBAL

+ หุ้น Earnings Play กำไร 4Q22E เติบโต >10% YoY และมี %Upside >10%: หมวดพาณิชย์ SINGER COM7 หมวดเงินทุนและหลักทรัพย์ ASK JMT THANI AEONTS CHAYO SAK MTC

 

ปัจจัยบวก

+ AOT: นักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไทยวันแรกเมื่อวันที่ 9 ม.ค. จำนวน 3.46 พันคน จาก 15 เที่ยวบิน ทำให้ AOT คาดปี 2023E จะมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางผ่านการท่าฯ จำนวน 7-10 ล้านคน เทียบกับช่วงก่อนเกิด COVID-19 ที่มีจำนวน 20.5 ล้านคน

+ Bond Yields: Bond Yields ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง หลังจากตลาดคลายความกังวลการขึ้นดอกเบี้ยของเฟด เป็นบวกต่อหุ้นกลุ่ม Growth Stocks และหุ้นกลุ่มที่เคยได้รับผลกระทบจาก Bond Yields ขาขึ้น เช่น กลุ่มเช่าซื้อและกลุ่มโรงไฟฟ้า

 

 

 

ประเด็นสำคัญ

- Sweden: งานสัมมนาธนาคารกลางระหว่างประเทศ จับตาสุนทรพจน์ของประธานเฟด Powell และประธานธนาคารกลางอังกฤษ Bailey

- World Bank: รายงานแนวโน้มการเติบโตเศรษฐกิจโลก

 

Global Market Summary: วันทำการที่ผ่านมา

+ ตลาดหุ้นไทยปิดบวกต่อเนื่อง: ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นในทิศทางเดียวกันกับตลาดหุ้นภูมิภาค โดยปรับขึ้นกว่า 11 จุด ตั้งแต่เปิดตลาดและเคลื่อนไหวในกรอบแคบ 1,685-1,693.42 จุด ตลอดช่วงที่เหลือของการซื้อขาย ก่อนปิดตลาดที่ 1,691.12 จุด +17.26 จุด วอลุ่มซื้อขาย 7.8 หมื่นล้านบาท นำขึ้นโดยกลุ่มเงินทุนและหลักทรัพย์ +4.4% ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ +3.75% ปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ +2.15% พาณิชย์ +1.78% สื่อและสิ่งพิมพ์ +1.75% หุ้นบวก >4% DELTA MTC TIDLOR PRI SAWAD CBG OSP SINGER PSL NCAP SM IMH PRAPAT MALEE AKP หุ้นลบ >4% JKN AUCT TEAMG TAE

+/- หุ้นสหรัฐฯ ปิดคละ ส่วนหุ้นยุโรปปิดบวก: DJIA -0.34% S&P500 -0.08% NASDAQ +0.63% โดยหุ้น 6 ใน 11 กลุ่มอุตสำหกรรม ที่คำนวณดัชนี S&P500 ปิดในแดนลบ นำลงโดยกลุ่ม Health Care -1.66% ส่วนกลุ่มเทคฯ ปรับตัวขึ้น +1.09% เป็นผลจากแรงขายทำกำไรลดความเสี่ยงก่อนถ้อยแถลงประธานเฟดวันนี้ และตัวเลขเฟ้อเดือน ธ.ค. ที่จะประกาศในวันที่ 12 ม.ค. ขณะที่ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก CAC40 +0.68% DAX +1.25% FTSE +0.33% ขานรับจีนเปิดประเทศเมื่อวันอาทิตย์ ขณะที่การเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจของยุโรป อาทิ กิจกรรมการผลิตที่แข็งแกร่งของยูโรโซน และการร่วงลงของเงินเฟ้อ ได้คลายความวิตกเกี่ยวกับการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลาง รายใหญ่ทั่วโลก

 

 

 

+ น้ำมันดิบและทองคำปิดบวก: WTI +86 เซนต์ ปิดที่ USD74.63/บาร์เรล Brent +USD1.08 ปิดที่ USD79.65/บาร์เรล รับคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันดิบโลกเพิ่มขึ้น และรับจีนเปิดประเทศเมื่อวันที่ 8 ม.ค. ส่วนราคาทองคำ +USD8.10 ปิดที่ USD1,877.80/ออนซ์ จากการอ่อนค่าของเงิน USD -0.85% แตะ 103

 

ประเด็นสำคัญ

+ Thailand: สภาพัฒน์มองว่าปีนี้สัดส่วน GDP ต่อการท่องเที่ยวน่าจะเพิ่มขึ้น โดยก่อนหน้านี้สภาพัฒน์เคยคาดการณ์ 2023E GDP ที่ 3-4% จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติอยู่ที่ราว 23 ล้านคน คิดเป็นรายได้ 1.2 ล้านล้านบาท ซึ่งยังไม่รวมการท่องเที่ยวในประเทศและเป็นการคาดการณ์ก่อนที่ประเทศจีนจะประกาศเปิดประเทศ

+ Thailand: AOT คาดการณ์ว่าตลอดปี 2023 จะมีนักท่องเที่ยวจากสาธารณรัฐประชาชนจีนเดินทางผ่านท่าอากาศยานของทอท. ประมาณ 7-10 ล้านคน จากเดิมที่ก่อนการแพร่ระบาดของ COVID-19 มีกว่า 20.5 ล้านคน ส่วนวันนี้มีเที่ยวบินขาเข้าจากสาธารณรัฐประชาชนจีน จำนวน 15 เที่ยวบิน จำนวนผู้โดยสารทั้งสิ้น 3,465 คน

+ Thailand: รมว.สาธารณสุข ยืนยันว่าขณะนี้ผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศเข้าไทยไม่จำเป็นต้องแสดงใบรับรองการรับวัคซีนป้องกัน COVID-19 แล้ว เนื่องจากล่าสุดมีการประชุมคณะกรรมการวิชาการ ภายใต้พ.ร.บ. โรคติดต่อ ได้รับรายงานจากอธิบดีกรมควบคุมโรคว่า คณะกรรมการเห็นว่ามีการฉีดวัคซีนทั้งในประเทศไทยและในประเทศจีนจำนวนมากแล้ว ตลอดจนประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก มีภูมิคุ้มกันกันในระดับหนึ่งแล้ว ดังนั้น การจะไปมุ่งเน้นว่าจะต้องแสดงหลักฐานการฉีดวัคซีน จึงเป็นเหตุให้เกิดความไม่คล่องตัว ไม่สะดวก

กลยุทธ์การลงทุน แนะนำ Trading Buy (โดยมีจุดขายตัดขาดทุน 3%)

หุ้นแนะนำรายสัปดาห์: COM7 SNNP ADVANC / ระยะยาว: SAWAD BGRIM

หุ้นแนะนำเก็งกำไร: JMART AH KTC

Derivatives: ถือ Long S50H23 รอทำกำไร