ออมสินเล็งตั้งนอนแบงก์ปล่อยกู้รายย่อยครึ่งหลังปี66

ออมสินเล็งตั้งนอนแบงก์ปล่อยกู้รายย่อยครึ่งหลังปี66

ออมสินเตรียมตั้งธุรกิจนอนแบงก์บริการสินเชื่อส่วนบุคคล คาดเริ่มได้ครึ่งหลังปี 66 อยู่ระหว่างขอใบอนุญาต วางระบบและหาผู้ร่วมทุน ชี้วัตถุประสงค์ไม่ได้ลดดอกเบี้ยในตลาด แต่ต้องการช่วยคนตัวเล็กเข้าถึงแหล่งทุน ร่วมหนี้นอกระบบ ทุนจดทะเบียนไม่เกิน 500 ล้าน

นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสินเปิดเผยว่า ขณะนี้ ธนาคารอยู่ระหว่างเตรียมจัดตั้งธุรกิจใหม่ที่จะมาให้บริการทางการเงินที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน หรือที่เรียกกันว่า นอนแบงก์ เพื่อให้บริการทางการเงิน อาทิ สินเชื่อส่วนบุคคล คาดว่า จะเปิดให้บริการได้ราวครึ่งหลังของปี 2566 ด้วยทุนจดทะเบียนประมาณ 300-500 ล้านบาท

สาเหตุที่ธนาคารต้องจัดตั้งธุรกิจนอนแบงก์ขึ้นมา เพราะต้องการช่วยเหลือประชาชนรายย่อยที่ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งทุนได้ ซึ่งปัจจุบันจะพึ่งพาแหล่งทุนนอกระบบที่มีภาระดอกเบี้ยสูง และที่ผ่านมา แบงก์เองก็จะไม่สามารถปล่อยสินเชื่อให้แก่ลูกค้ากลุ่มนี้ได้ เพราะเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง ทำให้ต้องคิดอัตราดอกเบี้ยที่สูงเพื่อลดความเสี่ยง แต่เนื่องจาก ธนาคารเป็นสถาบันการเงิน จึงไม่สามารถคิดอัตราดอกเบี้ยที่คุ้มกับความเสี่ยงได้

“ที่ผ่านมา เราจะไม่รับลูกค้ากลุ่มนี้เลย เพราะเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยง และเป็นหนี้เสีย ซึ่งเราเองก็ไม่สามารถคิดอัตราดอกเบี้ยสูงกว่า 15% ได้ เพราะจะเป็นการเอาเปรียบผู้บริโภค แต่ถ้าเราสามารถจัดตั้งนอนแบงก์ขึ้นมาได้ เราจะช่วยเขากลับมา โดยอัตราดอกเบี้ยที่เราจะคิดก็จะอยู่ที่ 20-22%ต่อปี”

ทั้งนี้ ลูกค้ากลุ่มนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มที่ใช้บริการหนี้นอกระบบ และ บางส่วนก็จะใช้บริการพิโกไฟแนนซ์หรือนาโนไฟแนนซ์ เมื่อเราให้บริการก็อาจจะทับซ้อนกันบ้าง ซึ่งเราจะไม่ได้ไปแข่งขันกับพิโกไฟแนนซ์หรือ นาโนไฟแนนซ์ แต่ถือว่า เราเข้าไปช่วยเหลือกลุ่มคนรายย่อยให้เข้าถึงแหล่งทุนได้มากขึ้น เนื่องจากตลาดกลุ่มนี้ยังมีขนาดที่ใหญ่มาก

ทั้งนี้ ขณะนี้ ระดับนโยบายได้เห็นชอบกับแนวคิดดังกล่าวแล้ว ทั้งในส่วนของคณะกรรมการธนาคารกระทรวงการคลัง และ ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ในขั้นตอนนับจากนี้ นอกเหนือจากการฟอร์มทีมการให้บริการและการวางระบบต่างๆแล้ว เราจะต้องขอใบอนุญาตจากธปท.เพื่อให้บริการเพอร์ซันนอลโลนกับดิจิทัลโลนด้วย นอกจากนี้ เรายังอยู่ระหว่างการหาพาร์ทเนอร์เข้ามาร่วมทุนด้วย

เขากล่าวด้วยว่า การทำธุรกิจนอนแบงก์ดังกล่าว ไม่ได้มีวัตถุประสงค์ที่จะเข้าไปช่วยลดโครงสร้างดอกเบี้ยในธุรกิจเดียวกันให้ปรับลดลงเหมือนกับที่เราเข้าไปทำธุรกิจมีที่มีเงิน หรือ สินเชื่อเงินสดทันใจที่ร่วมกับทางศรีสวัสดิ์ ซึ่งการทำธุรกิจดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อลดดอกเบี้ยในธุรกิจเดียวกันในตลาดให้ปรับลดลง ซึ่งก่อนหน้านี้ ดอกเบี้ยเหล่านี้จะสูงมาก เช่น ธุรกิจสินเชื่อเงินสด ซึ่งเดิมจะอยู่ที่ 18% ปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 16%

สำหรับความคืบหน้าการทำธุรกิจมีที่มีเงิน ซึ่งให้บริการสินเชื่อที่ดินและขายฝาก โดยร่วมทุนกับบริษัททิพยประกันภัย และบริษัท บางจาก จำกัด(มหาชน) ขณะนี้ หรือนับตั้งแต่ต้นเดือนพ.ย.นี้ เราได้เริ่มให้บริการในลักษณะนำร่องโครงการ หรือ เรียกว่า ทดสอบตลาด โดยคาดว่า จะเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการได้ราวต้นเดือนม.ค.ปีหน้า ทั้งนี้ สำหรับบุคคลธรรมดาเราจะปล่อยกู้ในวงเงินไม่เกิน 10 ล้านบาทส่วนนิติบุคคลจะปล่อยกู้ในวงเงินไม่เกิน 50 ล้านบาท ส่วนอัตราดอกเบี้ยจะอยู่ที่ 6.99-8.99%ต่อปี

“ธุรกิจมีที่มีเงินนี้ เราจะถือหุ้นสัดส่วน 49% และเราก็จะบริหารจัดการเอง เพื่อช่วยเอสเอ็มอีให้มีสภาพคล่อง ส่วนธุรกิจเงินสดทันใจนั้น เราร่วมกับศรีสวัสดิ์ ก็ให้ทางศรีสวัสดิ์เป็นผู้บริหาร ที่ผ่านมา สามารถปล่อยกู้ได้ถึง 1.3 ล้านราย ทางศรีสวัสดิ์เขาก็ได้กำไร ส่วนเราก็ได้ส่วนแบ่งและช่วยคน”