ถอดกฎเหล็ก เกาะหมาก วิถียั่งยืน ป้องกัน นายทุน–ต่างชาติ ไม่ให้รุกพื้นที่

สภาพแวดล้อมที่เงียบสงบและกฎระเบียบที่เข้มงวดทำหน้าที่คัดกรองนักท่องเที่ยวโดยอัตโนมัติ ดึงดูดเฉพาะกลุ่มที่ต้องการความสงบและเคารพธรรมชาติ ไม่ใช่นักท่องเที่ยวเชิงบริโภค
KEY
POINTS
- ที่ดินบนเกาะส่วนใหญ่อยู่ในความครอบครองของทายาท 5 ตระกูลดั้งเดิม ซึ่งมีนโยบายไม่ขายให้บุคคลภายนอก จึงสามารถป้องกันการรุกคืบของกลุ่มนายทุนได้
- มีการบังคับใช้ "ธรรมนูญชุมชน 8 ข้อ" ซึ่งเป็นกฎเหล็กที่ควบคุมพฤติกรรมนักท่องเที่ยวและกิจกรรมต่างๆ เช่น การจำกัดยานพาหนะ การห้ามใช้โฟม และการรักษาสิ่งแวดล้อม
- ด้วยกฎระเบียบที่เข้มงวดและวิถีชีวิตที่เรียบง่าย ทำให้เกาะหมากสามารถคัดกรองนักท่องเที่ยว ดึงดูดเฉพาะกลุ่มที่ต้องการความสงบและเคารพธรรมชาติ ไม่ใช่การท่องเที่ยวแบบมวลชน
ช่วงที่ผ่านมา ประเด็น “นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ” ได้กลายเป็นกระแสที่สังคมไทยจับตามองอย่างกว้างขวาง ตั้งแต่กรณีข่าว "ปาย" ที่ชาวบ้านต้องเผชิญภาพนักท่องเที่ยวต่างชาติรวมกลุ่มทำกิจกรรมทางศาสนา เปิดกิจการแฝง และค่อยๆ แทรกซึมเข้าไปในวิถีดั้งเดิม จนชุมชนตั้งคำถามว่า “ใครกันแน่คือเจ้าของเมือง”
ไปจนถึงเสียงสะท้อนจาก "เกาะพะงัน" ที่ดังขึ้นเรื่อยๆ ว่า “เราต้องลุกขึ้นมาปกป้องเกาะแห่งนี้จากการถูกกลืนแผ่นดิน” เมื่อรูปแบบการท่องเที่ยวเริ่มรุกล้ำขอบเขตและอัตลักษณ์ของท้องถิ่น ขณะที่ในบางกรณี นักท่องเที่ยวบางกลุ่มแสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสมหรือหยาบคายต่อผู้คนในพื้นที่ จนกลายเป็นผลกระทบที่ค่อยๆ ซึมลึกต่อชุมชน
ท่ามกลางความกังวลที่เพิ่มขึ้นนี้ มีเกาะหนึ่งที่เดินสวนทางกับกระแส นั่นคือ เกาะหมาก จังหวัดตราด เกาะเล็กๆ ที่ไม่เคย “ถูกยึดครอง” หากยังได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งใน 100 แหล่งท่องเที่ยวยั่งยืนที่สุดในโลก (Green Destinations Top 100)
ความสำเร็จในการรักษาสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติและความสงบ ไม่ได้เกิดขึ้นจากความบังเอิญ แต่เกิดจาก “กฎเหล็ก” ที่หยั่งรากลึก ทั้งในด้านการถือครองที่ดินและธรรมนูญชุมชนที่เข้มงวด ทำให้เกาะแห่งนี้สามารถป้องกันการบุกรุกจากนายทุน และนักท่องเที่ยวที่ก่อความวุ่นวายได้
ทายาท 5 ตระกูลหลัก
“นพดล สุทธิธนกูล” หรือพี่อึ่ง ประธานกลุ่มวิสาหกิจเกษตรผสมผสานบ้านอ่าวนิด และประธานกลุ่มอนุรักษ์ปะการัง เกาะหมาก ให้สัมภาษณ์กับ 'กรุงเทพธุรกิจ' ว่า หัวใจสำคัญที่ทำให้เกาะหมากสามารถควบคุมทิศทางการพัฒนาได้อย่างเบ็ดเสร็จคือ โครงสร้างการถือครองที่ดิน ซึ่งแตกต่างจากพื้นที่ท่องเที่ยวอื่นๆ โดยสิ้นเชิง
“พื้นที่บนเกาะหมากเกือบทั้งหมดอยู่ในการครอบครองของ ทายาท 5 ตระกูลหลัก ซึ่งบรรพบุรุษของพวกเราเป็นกลุ่มที่อพยพมาจากเกาะกง (ประเทศกัมพูชาในขณะนั้น) ในสมัยที่ไทยได้มีการแลกเปลี่ยนดินแดนกับฝรั่งเศส โดยไทยได้เกาะช้าง เกาะหมาก และเกาะกูด กลับคืนมา แลกกับ เสียมเรียบ เก่ากง และพระบอง โดยบรรพบุรุษบางท่านมีสถานะเป็น เจ้าหัวเมือง คอยเก็บส่วยส่งกรุงเทพฯ”
“นพดล” บอกด้วยว่า ปัจจุบัน ตระกูลเหล่านี้จะไม่มีการแบ่งขายหรือแบ่งแยกที่ดิน ให้แก่บุคคลภายนอก การรวมอำนาจการถือครองที่ดินเช่นนี้คือกลไกหลักที่ ป้องกันไม่ให้นายทุนใหญ่สามารถเข้ามาซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาอสังหาริมทรัพย์หรือธุรกิจขนาดใหญ่บนเกาะได้ นอกจากนี้ ชุมชนบนเกาะยังมีขนาดเล็กมาก โดยมีประชากรเพียง 530 คนเท่านั้น ซึ่งทำให้การควบคุมและจัดการพื้นที่เป็นไปได้ง่าย
“ธรรมนูญ 8 ข้อ” กฎหมายที่ไม่ใช่กฎหมาย
เพื่อควบคุมพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวและรักษาความสงบเรียบร้อย ทางชุมชนได้กำหนด ธรรมนูญชุมชน (Community Charter) ซึ่งเป็นกฎเหล็กที่ติดประกาศไว้ตามสะพานทุกแห่ง ธรรมนูญนี้ประกอบด้วย 8 ข้อ ซึ่งถือเป็นข้อตกลงร่วมที่ทุกคนต้องปฏิบัติตาม และทำหน้าที่เป็นตัวบล็อกกิจกรรมที่ไม่พึงประสงค์ ข้อกำหนดสำคัญในธรรมนูญชุมชนที่ใช้ควบคุมการบุกรุกและทำลายสิ่งแวดล้อม ได้แก่
- ไม่ให้เรือเฟอรี่นำยานพาหนะนักท่องเที่ยวขึ้นเกาะ
- รถเช่า (มอเตอร์ไซค์) ต้องไม่เกิน 70% ของจำนวนห้องพัก
- งดใช้โฟมหรือวัสดุก่อมลพิษบรรจุอาหาร
- ห้ามทิ้งขยะหรือสิ่งปฏิกูลในที่สาธารณะและแหล่งน้ำ
- ไม่สนับสนุนการใช้สารเคมีที่มีสารตกค้างสูง
- ห้ามส่งเสียงดังหรือรบกวนระหว่าง 22.00–07.00 น.
- ไม่สนับสนุนกีฬาทางบก–ทะเลที่ใช้เครื่องยนต์รบกวนชุมชน
- ห้ามนำ เสพ หรือจำหน่ายยาเสพติดทุกชนิดบนเกาะ
“นอกจากกฎเหล่านี้แล้ว เกาะหมากยังเลือกที่จะ ไม่ให้ร้านสะดวกซื้อที่เป็นแบรนด์ใหญ่ซึ่งมีอยู่ทุกที่เข้ามาเปิดสาขา บนเกาะ การตัดสินใจนี้เพื่อให้ธุรกิจท้องถิ่นยังคงดำเนินไปในรูปแบบที่เรียบง่ายตามวิถีชาวบ้าน ทำแบบ บ้านๆ และป้องกันการครอบงำทางเศรษฐกิจจากบริษัทยักษ์ใหญ่”
คัดกรองนักท่องเที่ยว
“นพดล” บอกว่า ความเข้มงวดของธรรมนูญและสภาพแวดล้อมที่เงียบสงบได้ทำหน้าที่เป็นตัวกรองนักท่องเที่ยวโดยอัตโนมัติ เกาะหมากไม่ได้กังวลเรื่องการแข่งขันด้านรายได้กับเกาะที่รองรับการท่องเที่ยวแบบมวลชนอย่างเกาะช้าง เพราะจุดประสงค์หลักคือการรักษาความยั่งยืน
นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่มาเกาะหมากคือผู้ที่ มองหาธรรมชาติและความเงียบสงบ พวกเขาศึกษาข้อมูลมาแล้วว่าพื้นที่นี้ได้รับรางวัลระดับโลก นักท่องเที่ยวกลุ่มหลักคือ ชาวยุโรป โดยเฉพาะชาวเยอรมัน ซึ่งมักจะมาพักผ่อนในระยะเวลานาน ตั้งแต่หนึ่งสัปดาห์ไปจนถึงหนึ่งเดือน
ในทางกลับกัน เกาะหมากไม่ดึงดูดนักท่องเที่ยวที่ต้องการการบริโภคสูงและการใช้จ่ายมาก เช่น นักท่องเที่ยวจากจีนแผ่นดินใหญ่ เนื่องจากมันไม่ใช่สไตล์ของพวกเขา สภาพแวดล้อมที่ควบคุมนี้จึงเป็นเกราะป้องกันการบุกรุกจากพฤติกรรมการท่องเที่ยวที่เน้นความวุ่นวายและการใช้ทรัพยากรมากเกินไป
อบต. ตรวจสอบพื้นที่เป็นประจำ
"นล สุวัจจนานนท์" นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเกาะหมาก ได้เปิดเผยกับ 'กรุงเทพธุรกิจ' ถึงกลไกสำคัญในการควบคุมดูแลพื้นที่ว่า เกาะหมากมีขนาดไม่ใหญ่มากนัก คือ ประมาณ 13 ตารางกิโลเมตร ดังนั้น องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) จึงสามารถทำการตรวจสอบได้อย่างละเอียดถี่ถ้วน
ปัจจุบัน อบต. มีการตรวจสอบเป็นประจำในประเด็นการทำรีสอร์ตหรือโฮมสเตย์บนเกาะ การตรวจสอบนี้มุ่งเน้นเพื่อหาว่ามีการเพิ่มขึ้นของโฮมสเตย์หรือไม่ หรือมีโรงแรมใดที่เปิดดำเนินการโดยไม่ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้อง นอกจากนี้ ยังมีการตรวจสอบการปล่อยเช่าต่อกันเอง (sub-leasing) อย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันการใช้พื้นที่อย่างผิดกฎหมาย
ปัจจุบัน เกาะหมากมีจำนวนห้องพักรวมประมาณ 500 ถึง 550 ห้อง โดยจำนวนห้องพักจะถูกแบ่งเกือบครึ่ง เป็นห้องพักแบบพรีเมียมระดับ 4 ดาวครึ่ง ถึง 5 ดาว ส่วนอีกครึ่งหนึ่งจะเป็นโฮมสเตย์และโรงแรมแบบประหยัด ในขณะที่โรงแรมขนาดใหญ่อาจจะเปิดให้บริการตลอดทั้งปี แต่โฮมสเตย์หรือโรงแรมขนาดเล็กบางแห่งอาจเปิดให้บริการตามฤดูกาลท่องเที่ยว ซึ่งเป็นส่วนน้อย
ในด้านการจัดการขยะ ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ของแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ เช่น สมุย หรือภูเก็ต อบต. เกาะหมากมีการบริหารจัดการอย่างมืออาชีพ ปัจจุบัน อบต. มีพื้นที่สำหรับบริหารจัดการขยะอยู่ 5 ไร่ โดยมีบริษัทที่เป็นมืออาชีพเข้ามารับจ้างในการจัดการ
เมื่อก่อน ปริมาณขยะเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 2-3 ตันต่อวัน แต่ภายหลังจากที่เกาะหมากได้รับรางวัล 100 แหล่งท่องเที่ยวยั่งยืนที่สุดในโลก (Green Destinations Top 100) และได้รับรางวัลอันดับ 2 ด้านการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมในปี 2568 จากงาน ITB Berlin ปริมาณขยะได้เพิ่มขึ้นเป็น 6-7 ตัน ต่อวัน เพราะนักท่องเที่ยวสนใจมามากขึ้น อย่างไรก็ตาม พื้นที่และเตาเผาที่มีอยู่ยังคงเพียงพอต่อการเจริญเติบโตของนักท่องเที่ยว
ระบบการจัดการขยะของเกาะหมากนั้นมีการ คัดแยกอย่างเป็นระบบ มีโรงคัดแยก และมีเตาเผา นอกจากนี้ ส่วนของขยะอินทรีย์จะถูกนำไปใช้ในการปลูกผักและสิ่งต่างๆ เพื่อแจกจ่ายให้กับชาวบ้านในกิจกรรมต่างๆ อีกด้วย
สำหรับเรื่องไฟฟ้า มีการแบ่งการจัดการออกเป็นสองส่วน โดยไฟฟ้าหลักมาจาก การไฟฟ้า ที่ดึงเคเบิลมาจากเกาะอื่นๆ ส่วนไฟส่องสว่างตามถนนหรือตามทางนั้น อบต. ได้จัดหาโดยใช้ โซลาร์เซลล์ ทำให้มีสองหน่วยงานที่ทำงานร่วมกันในการจัดการพลังงานบนเกาะ คือการไฟฟ้า และ อบต. ที่ดูแลในส่วนของโซลาร์เซลล์
หัวใจสำคัญ การบริหารจัดการและความร่วมมือ
"ศิริปกรณ์ เชี่ยวสมุทร" ผู้อำนวยการองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) หรือ อพท. กล่าวกับ 'กรุงเทพธุรกิจ' ว่า ปัจจัยสู่ความสำเร็จที่สำคัญที่สุดคือ “การบริหารจัดการ” และการถอดบทเรียนจากพื้นที่ที่มีอัตลักษณ์โดดเด่นอย่าง “เกาะหมาก” ถือเป็นแบบอย่างที่จังหวัดอื่นสามารถนำไปปรับใช้ได้ โดยไม่ต้องรอการประกาศเป็นพื้นที่พิเศษ
แต่ละพื้นที่มีอัตลักษณ์ของตนเอง และไม่จำเป็นต้องเหมือนกัน แต่ควรถอดบทเรียนและถ่ายทอดแลกเปลี่ยนความรู้จากพื้นที่ที่ทำได้ดี ไปยังจังหวัดอื่นๆ ที่เปิดใจรับ หัวใจของการป้องกันปัญหาความวุ่นวายและการบุกรุกที่เกิดจากนักท่องเที่ยว คือการสร้างการบริหารจัดการที่ดีและสร้างความร่วมมือจากทุกฝ่าย
โมเดลการบริหารเกาะหมากนี้เปรียบเสมือน “บ้านโบราณที่ได้รับการคุ้มครอง” โดยมีทายาทเจ้าของบ้านเป็นผู้ถือ "กุญแจ" และกำหนด "กฎของบ้าน" (ธรรมนูญ) อย่างชัดเจน นักท่องเที่ยวเปรียบเสมือนแขกผู้มาเยือนที่ถูกต้อนรับด้วยความอบอุ่น แต่ต้องเคารพกฎระเบียบอย่างเคร่งครัด จึงมั่นใจได้ว่าตัวบ้านและสิ่งของมีค่า หรือธรรมชาติ จะไม่ถูกทำลายหรือถูกยึดครองโดยผู้มาเยือนที่มีเจตนาแอบแฝง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- ศูนย์เรียนรู้หญ้าทะเล–ปะการัง เกาะหมาก ต้นแบบดูดคาร์บอนทรงพลัง 10 เท่า
- อพท. ชูแนวทางยั่งยืน 'ชุมชนอยู่ได้–นักท่องเที่ยวสุขใจ' ปักธงได้มาตรฐานโลก







