ไทยเสี่ยง ศูนย์ทดสอบแบตฯไม่พอ กฎหมายอ่อนเปิดช่องพาวเวอร์แบงก์ด้อยคุณภาพ

ไทยเสี่ยง ศูนย์ทดสอบแบตฯไม่พอ กฎหมายอ่อนเปิดช่องพาวเวอร์แบงก์ด้อยคุณภาพ

มาตรฐานแบตเตอรี่ส่วนใหญ่ในไทยยังเป็นแบบ "สมัครใจ" ขาดการบังคับใช้กฎหมายที่เข้มงวด ทำให้ผู้ประกอบการที่ไม่ปฏิบัติตามไม่ได้รับโทษ ปัญหาดังกล่าวส่งผลให้สินค้าที่ไม่ได้มาตรฐานยังคงมีวางจำหน่ายทั่วไป

KEY

POINTS

  • ประเทศไทยมีศูนย์ทดสอบแบตเตอรี่ไม่เพียงพอต่อความต้องการ (มีเพียง 2–3 แห่ง) ทำให้เกิดความล่าช้าและต้องพึ่งพาการรับรองจากต่างประเทศที่มีต้นทุนสูง
  • มาตรฐานแบตเตอรี่ส่วนใหญ่ในไทยยังเป็นแบบ "สมัครใจ" ขาดการบังคับใช้กฎหมายที่เข้มงวด ทำให้ผู้ประกอบการที่ไม่ปฏิบัติตามไม่ได้รับโทษ
  • ปัญหาดังกล่าวส่งผลให้สินค้าที่ไม่ได้มาตรฐานยังคงมีวางจำหน่ายทั่วไป ซึ่งกระทบต่อความปลอดภัยของผู้บริโภคและความเป็นธรรมในการแข่งขันของผู้ผลิต
  • สมาคมเทคโนโลยีระบบกักเก็บพลังงานไทย (TESTA) และภาคเอกชนกำลังร่วมมือกันผลักดันมาตรฐานและจัดตั้งศูนย์ทดสอบ เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมแบตเตอรี่ไทย

"แบตเตอรี่" มีบทบาทสำคัญต่อพลังงานสะอาด โดยช่วยเก็บพลังงานจากแหล่งหมุนเวียน เช่น แสงอาทิตย์และลม ทำให้สามารถใช้ได้ตามต้องการ ทั้งยังเป็นหัวใจของยานยนต์ไฟฟ้าที่ลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลและลดก๊าซเรือนกระจก ระบบกักเก็บพลังงาน (BESS) ยังช่วยเพิ่มความเสถียรของโครงข่ายไฟฟ้า แต่การผลิตและจัดการแบตเตอรี่ต้องคำนึงถึงความยั่งยืนเพื่อให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

"ดร.พิมพา ลิ้มทองกุล" ผู้ร่วมก่อตั้งและนายกสมาคมเทคโนโลยีระบบกักเก็บพลังงานไทย (TESTA) ให้สัมภาษณ์กับ 'กรุงเทพธุรกิจ' ระหว่างงานประชุมเทคโนโลยีแบตเตอรี่ของอาเซียน (ASEAN Battery Technology Conference) ปี 2025 หรือ ABTC 2025 ที่จัดขึ้นในประเทศไทยครั้งแรก ในประเด็นเจาะลึกถึง “บทบาทและศักยภาพของประเทศไทย” ด้านมาตรฐานแบตเตอรี่และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง

ไทยขาดบังคับใช้กฎหมายเข้มงวด

"ดร.พิมพา" อธิบายว่า ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา หน่วยงานรัฐ และวิชาการ โดยเฉพาะ สอวช. (สำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม) พยายามผลักดันมาตรฐานมากขึ้น เนื่องจากหลายๆ ประเทศ มีการออก International Standard เกี่ยวกับแบตเตอรี่หลายร้อยมาตรฐานในเวลาอันสั้นเพื่อรองรับอุตสาหกรรมพลังงาน

อย่างไรก็ตาม มาตรฐานส่วนใหญ่ในไทยยังเป็น “สมัครใจ” ไม่ได้บังคับใช้ ทำให้ขาดขั้นตอน testing & certification ที่ชัดเจน สะท้อนปัญหาการบังคับใช้กฎหมาย (law enforcement) ที่ยังไม่เข้มงวด

“การบังคับใช้กฎหมาย” ยังคงเป็นโจทย์ใหญ่ หากผู้ฝ่าฝืนไม่ถูกลงโทษจริง ผู้ประกอบการที่ปฏิบัติตามมาตรฐานก็จะเสียเปรียบ ต้องเผชิญทั้งขั้นตอนที่ล่าช้าและต้นทุนสูง ในขณะที่ตลาดยังไม่สะท้อนคุณค่าอย่างชัดเจน" 

ไทยเสี่ยง ศูนย์ทดสอบแบตฯไม่พอ กฎหมายอ่อนเปิดช่องพาวเวอร์แบงก์ด้อยคุณภาพ

ศูนย์ทดสอบแบตเตอรี่ไม่พอ

ขณะเดียวกัน "ดร.พิมพา" บอกว่า ประเทศไทยมีศูนย์ทดสอบเพียง 2–3 แห่ง แต่ต้องรองรับตลาดผู้บริโภคกว่า 60 ล้านคน ต่างจากประเทศเล็กๆ ที่มีศักยภาพตรวจสอบเพียงพอ ส่งผลให้ไทยต้องพึ่งพาการรับรองจากต่างประเทศ ซึ่งไม่เพียงทำให้ต้นทุนสูงขึ้น

ตัวอย่างเช่น แม้จะมีข้อบังคับด้าน Power Bank แต่สินค้าที่ไม่ได้มาตรฐานยังพบวางขายทั่วไป ซึ่งกระทบทั้งความปลอดภัยผู้บริโภค และความเป็นธรรมของผู้ผลิตที่ลงทุนทำสินค้ามาตรฐาน

ปัจจุบันไทยมีศูนย์ทดสอบที่รองรับอุตสาหกรรมแบตเตอรี่แล้ว แต่ส่วนใหญ่เป็นหน่วยงานรัฐที่กระบวนการอนุมัติและดำเนินงานล่าช้า ตั้งแต่งบประมาณ จัดซื้ออุปกรณ์ ไปจนถึงบุคลากร ส่งผลให้ คิวทดสอบยาวนานและไม่ทันต่อความต้องการ

เพื่อแก้ปัญหา ภาคเอกชนเริ่มเข้ามามีบทบาท เช่น การตั้งศูนย์ทดสอบเฉพาะด้าน หรือการดึง Testing Center ต่างชาติ มาตั้งในไทย แม้ค่าใช้จ่ายสูงกว่า แต่หลายบริษัทก็ยอมเลือก เพราะกระบวนการรวดเร็วและได้มาตรฐานสากล

งานวิจัยอย่างเดียวไม่พอ TESTA ร่วมมือหนุนไทยผู้นำ

"ดร.พิมพา" กล่าวย้ำว่า ไทยมีศักยภาพ ทั้งภาครัฐและเอกชน หากร่วมมือกัน ก็จะก้าวเป็นผู้นำแบตเตอรี่ของอาเซียนได้ ตรงนี้เองที่ TESTA เข้ามามีบทบาท โดยทำงานร่วมกับ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) มหาวิทยาลัยต่างๆ และภาคเอกชนกว่า 140 องค์กร เพื่อผลักดันทั้งมาตรฐานและตลาดให้เกิดขึ้นจริง

เพราะงานวิจัยเพียงอย่างเดียวไม่พอ หากไม่มีอุตสาหกรรมรองรับ ก็ไม่สามารถสร้างเศรษฐกิจใหม่ได้ เราต้องขยายไปสู่การผลักดันอุตสาหกรรม พร้อมสร้างความเข้าใจด้านมาตรฐาน ความปลอดภัย และสิ่งแวดล้อม เพื่อให้ตลาดยอมรับ ซึ่งท้ายที่สุดจะนำไปสู่การปรับปรุงระบบ enforcement และทำให้อุตสาหกรรมเดินหน้าได้จริง

ABTC 2025 เวทีร่วมมือป้องกันความเสี่ยงแบตเตอรี่

เพื่อป้องกันความเสี่ยงและยกระดับความรู้ในอุตสาหกรรมแบตเตอรี่ งานประชุมเทคโนโลยีแบตเตอรี่ของอาเซียน (ASEAN Battery Technology Conference: ABTC 2025) ได้เผยถึงข้อมูลเชิงลึกและประกาศกลยุทธ์สำคัญ ดังนี้

1. จัดตั้งเครือข่ายความปลอดภัยแบตเตอรี่แห่งอาเซียน (ASEAN Battery Safety Network) ครั้งแรก เพื่อแบ่งปันแนวปฏิบัติที่ดีที่สุด และข้อกำหนดต่างๆ ซึ่งเป็นประเด็นด้านความยั่งยืนที่มีความสำคัญอย่างมาก

2. เปิดรายงานเรื่อง “Navigating the Battery-Related Landscape in Southeast Asia and Beyond” เป็นความร่วมมือระหว่าง TESTA, SBC, NanoMalaysia, NBRI, NCSTT และ Commonwealth Scientific and Industrial Research Organisation (CSIRO) ประเทศออสเตรเลีย

โดยรายงานนี้รวบรวมข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับระบบนิเวศของอุตสาหกรรมแบตเตอรี่ ยานยนต์ไฟฟ้า และระบบกักเก็บพลังงานที่กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็วในภูมิภาค รวมถึงวิเคราะห์เชิงลึกเกี่ยวกับอุตสาหกรรมการผลิต การพัฒนายานยนต์ไฟฟ้า และการประยุกต์ใช้ระบบกักเก็บพลังงาน ขอบเขตการศึกษาครอบคลุมทั้งภูมิภาคอาเซียนและออสเตรเลีย เพื่อเสนอทิศทาง แนวโน้ม และประเด็นเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญต่อการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมในอนาคต หัวข้อหลักของรายงานประกอบด้วย

  • ห่วงโซ่คุณค่าและระบบนิเวศแบตเตอรี่
  • สถานะปัจจุบันและแนวโน้มในอนาคตของตลาดแบตเตอรี่ ยานยนต์ไฟฟ้า และระบบกักเก็บพลังงาน (BESS)
  • มาตรฐาน นโยบาย และการพัฒนากฎระเบียบสำหรับการใช้งานยานยนต์ไฟฟ้าและ BESS
  • การจัดการแบตเตอรี่หลังสิ้นอายุขัย
  • โครงสร้างพื้นฐานสนับสนุนการพัฒนาทางเทคโนโลยีและนวัตกรรมในภูมิภาคอาเซียน

3. การพัฒนามาตรฐานและความปลอดภัยของแบตเตอรี่ผ่านความร่วมมือระหว่าง ABSN และ ULSE

เครือข่ายความปลอดภัยแบตเตอรี่อาเซียน (ASEAN Battery Safety Network: ABSN) ซึ่งก่อตั้งในเดือนมกราคม 2025 ร่วมมือกับ UL Standards & Engagement (ULSE) เพื่อยกระดับความปลอดภัยของแบตเตอรี่ในภูมิภาค

ULSE ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่มุ่งส่งเสริมความปลอดภัย มั่นคง และยั่งยืน จะสนับสนุน ABSN ด้วยความรู้ความเชี่ยวชาญด้านมาตรฐานและเครือข่ายผู้เชี่ยวชาญทั้งภายในและภายนอกองค์กร ความร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการส่งเสริมการใช้งานแบตเตอรี่อย่างปลอดภัย และสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพในอาเซียน

4. ความร่วมมือระหว่าง Montavista กับ A*BTF และ ULSE

บริษัท Montavista ร่วมมือกับ ASTAR Battery Test Facility (ABTF) และ ULSE ในการพัฒนามาตรฐานและการทดสอบสารเคมีแบตเตอรี่รุ่นใหม่ (Li-metal) เพื่อให้สามารถใช้งานได้อย่างปลอดภัยทั้งในภูมิภาคและต่างประเทศ